ชื่อเรื่อง :
ชื่อไฟล์ : แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับจ้างเหมาจัดเตรียมสถานที่โครงการแข่งขันฟุตซอล
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับจ้างเหมาจัดเตรียมสถานที่โครงการแข่งขันฟุตซอล../add_file/แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับจ้างเหมาจัดเตรียมสถานที่โครงการแข่งขันฟุตซอล
ชื่อไฟล์ : ตัวอย่างเอกสาร online
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ตัวอย่างเอกสาร online../add_file/ตัวอย่างเอกสาร online
ชื่อไฟล์ : ตัวอย่างเอกสาร online
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ตัวอย่างเอกสาร online../add_file/ตัวอย่างเอกสาร online
ชื่อไฟล์ : ข้อมูลระบบ
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ข้อมูลระบบ../add_file/ข้อมูลระบบ
ชื่อไฟล์ : บทความใหม่
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: บทความใหม่../add_file/บทความใหม่
ชื่อไฟล์ : ตัวอย่างเอกสาร online
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ตัวอย่างเอกสาร online../add_file/ตัวอย่างเอกสาร online
ชื่อไฟล์ : {$Duration:1200,$Opacity:2}
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: {$Duration:1200,$Opacity:2}../add_file/{$Duration:1200,$Opacity:2}
ชื่อไฟล์ : FM5StIFSun31114.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ :
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ../add_file/
ชื่อไฟล์ :
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ../add_file/
ชื่อไฟล์ :
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
../add_file/
ชื่อไฟล์ : วิสัยทัศน์
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา ได้กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) เพื่อเป็นสภาพการณ์ในอุดมคติซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายและปรารถนา คาดหวังที่จะให้เกิดขึ้นหรือบรรลุผลในอนาคตข้างหน้า ตำบลตาเบาเป็นตำบลขนาดกลาง และคาดการณ์ว่าในอนาคตต้องเป็นชุมชนน่าอยู่อาศัยและมีทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อมดี จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์คาดหวังที่จะให้เกิดในอนาคต ดังนี้
“สังคมแห่งการเรียนรูุ้ชุมชนมีความพร้อมบนรากฐานวัฒนธรรมอันดีงาม สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยื่น ”
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: วิสัยทัศน์
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา ได้กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) เพื่อเป็นสภาพการณ์ในอุดมคติซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายและปรารถนา คาดหวังที่จะให้เกิดขึ้นหรือบรรลุผลในอนาคตข้างหน้า ตำบลตาเบาเป็นตำบลขนาดกลาง และคาดการณ์ว่าในอนาคตต้องเป็นชุมชนน่าอยู่อาศัยและมีทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อมดี จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์คาดหวังที่จะให้เกิดในอนาคต ดังนี้
“สังคมแห่งการเรียนรูุ้ชุมชนมีความพร้อมบนรากฐานวัฒนธรรมอันดีงาม สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยื่น ”../add_file/ วิสัยทัศน์
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา ได้กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) เพื่อเป็นสภาพการณ์ในอุดมคติซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายและปรารถนา คาดหวังที่จะให้เกิดขึ้นหรือบรรลุผลในอนาคตข้างหน้า ตำบลตาเบาเป็นตำบลขนาดกลาง และคาดการณ์ว่าในอนาคตต้องเป็นชุมชนน่าอยู่อาศัยและมีทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อมดี จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์คาดหวังที่จะให้เกิดในอนาคต ดังนี้
“สังคมแห่งการเรียนรูุ้ชุมชนมีความพร้อมบนรากฐานวัฒนธรรมอันดีงาม สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยื่น ”
ชื่อไฟล์ : ขอข้อมูล
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ขอข้อมูล../add_file/ขอข้อมูล
ชื่อไฟล์ : เข้ามาเยี่ยมชมครับ
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: เข้ามาเยี่ยมชมครับ../add_file/เข้ามาเยี่ยมชมครับ
ชื่อไฟล์ :
รอปรับปรุง ใหม่
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
รอปรับปรุง ใหม่
../add_file/
รอปรับปรุง ใหม่
ชื่อไฟล์ :
รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
รอปรับปรุง
../add_file/
รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ :
รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
รอปรับปรุง
../add_file/
รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ :
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
../add_file/
ชื่อไฟล์ :
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
../add_file/
ชื่อไฟล์ :
สถานที่ท่องเที่ยว2234dsfasf
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
สถานที่ท่องเที่ยว2234dsfasf
../add_file/
สถานที่ท่องเที่ยว2234dsfasf
ชื่อไฟล์ : ทดสอบ
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ทดสอบ../add_file/ทดสอบ
ชื่อไฟล์ : เราเป็นผู้พัฒนาเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย ด้วยระบบ easyweb ใช้งานง่าย พร้อมแสดงได้ในแทบเล็ต และมือถือ
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: เราเป็นผู้พัฒนาเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย ด้วยระบบ easyweb ใช้งานง่าย พร้อมแสดงได้ในแทบเล็ต และมือถือ../add_file/เราเป็นผู้พัฒนาเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย ด้วยระบบ easyweb ใช้งานง่าย พร้อมแสดงได้ในแทบเล็ต และมือถือ
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ :
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีจำนวนประชากรและจำนวนครัวเรือนตามทะเบียนราษฎร์สิ้นสุด ณ เดือนกันยายน พ.ศ. 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,922 คน แยกเป็นชายจำนวน 4,420 คน เป็นหญิงจำนวน 4,502 คน มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 2,127 ครัวเรือน ความหนาแน่นเฉลี่ย 123 คน/ตารางกิโลเมตร
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีจำนวนประชากรและจำนวนครัวเรือนตามทะเบียนราษฎร์สิ้นสุด ณ เดือนกันยายน พ.ศ. 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,922 คน แยกเป็นชายจำนวน 4,420 คน เป็นหญิงจำนวน 4,502 คน มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 2,127 ครัวเรือน ความหนาแน่นเฉลี่ย 123 คน/ตารางกิโลเมตร ../add_file/
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีจำนวนประชากรและจำนวนครัวเรือนตามทะเบียนราษฎร์สิ้นสุด ณ เดือนกันยายน พ.ศ. 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,922 คน แยกเป็นชายจำนวน 4,420 คน เป็นหญิงจำนวน 4,502 คน มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 2,127 ครัวเรือน ความหนาแน่นเฉลี่ย 123 คน/ตารางกิโลเมตร
ชื่อไฟล์ :
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา
ไม่ว่าท่านจะเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับการจัดทำเว็บไซต์...
เราพร้อมที่จะพัฒนาให้ระบบทำงานได้ดี และรวดเร็วง่ายสำหรับทุกคน
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา
ไม่ว่าท่านจะเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับการจัดทำเว็บไซต์...
เราพร้อมที่จะพัฒนาให้ระบบทำงานได้ดี และรวดเร็วง่ายสำหรับทุกคน
../add_file/
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา
ไม่ว่าท่านจะเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับการจัดทำเว็บไซต์...
เราพร้อมที่จะพัฒนาให้ระบบทำงานได้ดี และรวดเร็วง่ายสำหรับทุกคน
ชื่อไฟล์ :
ข้อมูลสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ
หน่วยงานภายใน
ข้อมูลข่าวสาร
ข้อมูลสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ
หน่วยงานภายใน
ข้อมูลข่าวสาร
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
ข้อมูลสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ
หน่วยงานภายใน
ข้อมูลข่าวสาร
../add_file/
ข้อมูลสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ
หน่วยงานภายใน
ข้อมูลข่าวสาร
ชื่อไฟล์ : อำนาจหน้าที่
อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล
อบต. มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วน ตำบล พ.ศ. 2537 และ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2542)
1. พัฒนาตำบลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (มาตรา 66)
2. มีหน้าที่ต้องทำตามมาตรา 67 ดังนี้
1. จัดให้มีและบำรุงทางน้ำและทางบก
2. การรักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดินและที่สาธารณะ รวมทั้งการกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
3. ป้องกันโรคและระงับโรคติดต่อ
4. ป้องกันฟและบรรเทาสาธารณภัย
5. ส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
6. ส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุและพิการ
7. คุ้มครอง ดูแลและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
8. บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น
9. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ทางราชการมอบหมาย
3. มีหน้าที่ที่อาจทำกิจกรรมในเขต อบต. ตามมาตรา 68 ดังนี้
1. ให้มีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคและการเกษตร
2. ให้มีและบำรุงไฟฟ้าหรือแสงสว่างโดยวิธีอื่น
3. ให้มีและบำรุงรักษาทางระบายน้ำ
4. ให้มีและบำรุงสถานที่ประชุม การกีฬา การพักผ่อนหย่อนใจและสวนสาธารณะ
5. ให้มีและส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร และกิจการสหกรณ์
6. ส่งเสริมให้มีอุตสาหกรรมในครอบครัว
7. บำรุงและส่งเสริมการประกอบอาชีพ
8. การคุ้มครองดูแลและรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
9. หาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของ อบต.
10. ให้มีตลาด ท่าเทียบเรือ และท่าข้าม
11. กิจการเกี่ยวกับการพาณิชย์
12. การท่องเที่ยว
13. การผังเมือง
อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เป็นการตัดอำนาจหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ในอันที่จะดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในตำบล แต่ต้องแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลทราบล่วงหน้าตามสมควร ในกรณีนี้หากองค์การบริหารส่วนตำบลมีความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินกิจการดังกล่าว ให้กระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ นำความเห็นขององค์การบริหารส่วนตำบลไปประกอบการพิจารณาดำเนินกิจการนั้นด้วย
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้องค์การบริหารส่วนตำบลมีสิทธิได้รับทราบข้อมูลและข่าวสารจากทางราชการในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของทางราชการในตำบล เว้นแต่ข้อมูลหรือข่าวสารที่ทางราชการถือว่าเป็นความลับเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
องค์การบริหารส่วนตำบลอาจออกข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อใช้บังคับในเขต
องค์การบริหารส่วนตำบลได้เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมายหรืออำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล ในการนี้จะกำหนดค่าธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บและกำหนดโทษปรับผู้ฝ่าฝืนด้วยก็ได้ แต่มิให้กำหนดโทษปรับเกินหนึ่งพันบาท เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
ในส่วนของการบริหารงานนั้น องค์การบริหารส่วนตำบลมีการจัดแบ่งการบริหารงานออกเป็น
สำนักงานปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล และส่วนต่าง ๆ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลได้ตั้งขึ้น โดยมีพนักงานส่วนตำบลเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และองค์การบริหารส่วนตำบลสามารถขอให้ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ไปดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติงานขององค์การบริหารส่วนตำบลชั่วคราวได้โดยไม่ขาดจากต้นสังกัดเดิม โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตได้ตามความจำเป็น และในกรณีที่เป็นข้าราชการซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ให้กระทรวงมหาดไทยทำความตกลงกับหน่วยงานต้นสังกัดก่อนแต่งตั้ง
นอกจากนั้นองค์การบริหารส่วนตำบลอาจทำกิจการนอกเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหรือร่วมกับสภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น เพื่อกระทำกิจการร่วมกันได้ ทั้งนี้ เมื่อได้รับความยินยอมจากสภาตำบลองค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และกิจการนั้นเป็นกิจการที่จำเป็นต้องทำและเป็นการเกี่ยวเนื่องกับกิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตน
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: อำนาจหน้าที่
อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล
อบต. มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วน ตำบล พ.ศ. 2537 และ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2542)
1. พัฒนาตำบลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (มาตรา 66)
2. มีหน้าที่ต้องทำตามมาตรา 67 ดังนี้
1. จัดให้มีและบำรุงทางน้ำและทางบก
2. การรักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดินและที่สาธารณะ รวมทั้งการกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
3. ป้องกันโรคและระงับโรคติดต่อ
4. ป้องกันฟและบรรเทาสาธารณภัย
5. ส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
6. ส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุและพิการ
7. คุ้มครอง ดูแลและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
8. บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น
9. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ทางราชการมอบหมาย
3. มีหน้าที่ที่อาจทำกิจกรรมในเขต อบต. ตามมาตรา 68 ดังนี้
1. ให้มีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคและการเกษตร
2. ให้มีและบำรุงไฟฟ้าหรือแสงสว่างโดยวิธีอื่น
3. ให้มีและบำรุงรักษาทางระบายน้ำ
4. ให้มีและบำรุงสถานที่ประชุม การกีฬา การพักผ่อนหย่อนใจและสวนสาธารณะ
5. ให้มีและส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร และกิจการสหกรณ์
6. ส่งเสริมให้มีอุตสาหกรรมในครอบครัว
7. บำรุงและส่งเสริมการประกอบอาชีพ
8. การคุ้มครองดูแลและรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
9. หาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของ อบต.
10. ให้มีตลาด ท่าเทียบเรือ และท่าข้าม
11. กิจการเกี่ยวกับการพาณิชย์
12. การท่องเที่ยว
13. การผังเมือง
อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เป็นการตัดอำนาจหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ในอันที่จะดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในตำบล แต่ต้องแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลทราบล่วงหน้าตามสมควร ในกรณีนี้หากองค์การบริหารส่วนตำบลมีความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินกิจการดังกล่าว ให้กระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ นำความเห็นขององค์การบริหารส่วนตำบลไปประกอบการพิจารณาดำเนินกิจการนั้นด้วย
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้องค์การบริหารส่วนตำบลมีสิทธิได้รับทราบข้อมูลและข่าวสารจากทางราชการในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของทางราชการในตำบล เว้นแต่ข้อมูลหรือข่าวสารที่ทางราชการถือว่าเป็นความลับเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
องค์การบริหารส่วนตำบลอาจออกข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อใช้บังคับในเขต
องค์การบริหารส่วนตำบลได้เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมายหรืออำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล ในการนี้จะกำหนดค่าธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บและกำหนดโทษปรับผู้ฝ่าฝืนด้วยก็ได้ แต่มิให้กำหนดโทษปรับเกินหนึ่งพันบาท เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
ในส่วนของการบริหารงานนั้น องค์การบริหารส่วนตำบลมีการจัดแบ่งการบริหารงานออกเป็น
สำนักงานปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล และส่วนต่าง ๆ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลได้ตั้งขึ้น โดยมีพนักงานส่วนตำบลเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และองค์การบริหารส่วนตำบลสามารถขอให้ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ไปดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติงานขององค์การบริหารส่วนตำบลชั่วคราวได้โดยไม่ขาดจากต้นสังกัดเดิม โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตได้ตามความจำเป็น และในกรณีที่เป็นข้าราชการซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ให้กระทรวงมหาดไทยทำความตกลงกับหน่วยงานต้นสังกัดก่อนแต่งตั้ง
นอกจากนั้นองค์การบริหารส่วนตำบลอาจทำกิจการนอกเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหรือร่วมกับสภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น เพื่อกระทำกิจการร่วมกันได้ ทั้งนี้ เมื่อได้รับความยินยอมจากสภาตำบลองค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และกิจการนั้นเป็นกิจการที่จำเป็นต้องทำและเป็นการเกี่ยวเนื่องกับกิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตน
../add_file/ อำนาจหน้าที่
อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล
อบต. มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วน ตำบล พ.ศ. 2537 และ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2542)
1. พัฒนาตำบลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (มาตรา 66)
2. มีหน้าที่ต้องทำตามมาตรา 67 ดังนี้
1. จัดให้มีและบำรุงทางน้ำและทางบก
2. การรักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดินและที่สาธารณะ รวมทั้งการกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
3. ป้องกันโรคและระงับโรคติดต่อ
4. ป้องกันฟและบรรเทาสาธารณภัย
5. ส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
6. ส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุและพิการ
7. คุ้มครอง ดูแลและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
8. บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น
9. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ทางราชการมอบหมาย
3. มีหน้าที่ที่อาจทำกิจกรรมในเขต อบต. ตามมาตรา 68 ดังนี้
1. ให้มีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคและการเกษตร
2. ให้มีและบำรุงไฟฟ้าหรือแสงสว่างโดยวิธีอื่น
3. ให้มีและบำรุงรักษาทางระบายน้ำ
4. ให้มีและบำรุงสถานที่ประชุม การกีฬา การพักผ่อนหย่อนใจและสวนสาธารณะ
5. ให้มีและส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร และกิจการสหกรณ์
6. ส่งเสริมให้มีอุตสาหกรรมในครอบครัว
7. บำรุงและส่งเสริมการประกอบอาชีพ
8. การคุ้มครองดูแลและรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
9. หาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของ อบต.
10. ให้มีตลาด ท่าเทียบเรือ และท่าข้าม
11. กิจการเกี่ยวกับการพาณิชย์
12. การท่องเที่ยว
13. การผังเมือง
อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เป็นการตัดอำนาจหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ในอันที่จะดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในตำบล แต่ต้องแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลทราบล่วงหน้าตามสมควร ในกรณีนี้หากองค์การบริหารส่วนตำบลมีความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินกิจการดังกล่าว ให้กระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ นำความเห็นขององค์การบริหารส่วนตำบลไปประกอบการพิจารณาดำเนินกิจการนั้นด้วย
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้องค์การบริหารส่วนตำบลมีสิทธิได้รับทราบข้อมูลและข่าวสารจากทางราชการในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของทางราชการในตำบล เว้นแต่ข้อมูลหรือข่าวสารที่ทางราชการถือว่าเป็นความลับเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
องค์การบริหารส่วนตำบลอาจออกข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อใช้บังคับในเขต
องค์การบริหารส่วนตำบลได้เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมายหรืออำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล ในการนี้จะกำหนดค่าธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บและกำหนดโทษปรับผู้ฝ่าฝืนด้วยก็ได้ แต่มิให้กำหนดโทษปรับเกินหนึ่งพันบาท เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
ในส่วนของการบริหารงานนั้น องค์การบริหารส่วนตำบลมีการจัดแบ่งการบริหารงานออกเป็น
สำนักงานปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล และส่วนต่าง ๆ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลได้ตั้งขึ้น โดยมีพนักงานส่วนตำบลเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และองค์การบริหารส่วนตำบลสามารถขอให้ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ไปดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติงานขององค์การบริหารส่วนตำบลชั่วคราวได้โดยไม่ขาดจากต้นสังกัดเดิม โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตได้ตามความจำเป็น และในกรณีที่เป็นข้าราชการซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ให้กระทรวงมหาดไทยทำความตกลงกับหน่วยงานต้นสังกัดก่อนแต่งตั้ง
นอกจากนั้นองค์การบริหารส่วนตำบลอาจทำกิจการนอกเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหรือร่วมกับสภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น เพื่อกระทำกิจการร่วมกันได้ ทั้งนี้ เมื่อได้รับความยินยอมจากสภาตำบลองค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และกิจการนั้นเป็นกิจการที่จำเป็นต้องทำและเป็นการเกี่ยวเนื่องกับกิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตน
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : คำถาม :
ตอบ :
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: คำถาม :
ตอบ :../add_file/คำถาม :
ตอบ :
ชื่อไฟล์ :
การพัฒนาระบบของเรา
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
การพัฒนาระบบของเรา
../add_file/
การพัฒนาระบบของเรา
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุงข้อมูล...
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุงข้อมูล...
../add_file/ รอปรับปรุงข้อมูล...
ชื่อไฟล์ :
(1).jpg)
(นางเนตรนภา เหมือนวาจา)
นายกอบต. ตาเบา

(นายจักรินทร์ คนึงเพียร )
ปลัดอบต. ตาเบา
(นางเนตรนภา เหมือนวาจา)
นายกอบต. ตาเบา

(นายจักรินทร์ คนึงเพียร )
ปลัดอบต. ตาเบา
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
(1).jpg)
(นางเนตรนภา เหมือนวาจา)
นายกอบต. ตาเบา

(นายจักรินทร์ คนึงเพียร )
ปลัดอบต. ตาเบา
../add_file/
(1).jpg)
(นางเนตรนภา เหมือนวาจา)
นายกอบต. ตาเบา

(นายจักรินทร์ คนึงเพียร )
ปลัดอบต. ตาเบา
ชื่อไฟล์ : มาตรา ๒๑ เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี้ "บุคคล" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยและบุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
มาตรา ๒๒ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง อาจออกระเบียบโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่มิให้นำบทบัญญัติวรรคหนึ่ง (๓) ของมาตรา ๒๓ มาใช้บังคับกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานดังกล่าวก็ได้ หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นที่จะกำหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งนั้นต้องเป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งการเปิดเผยประเภทข้อมูล ข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง (๓) จะเป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อการดำเนินการของหน่วยงานดังกล่าว
มาตรา ๒๓ หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) ต้องจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลเพียงเท่าที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นเพื่อการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐให้สำเร็จ ตามวัตถุประสงค์เท่านั้น และยกเลิกการจัดให้มีระบบดังกล่าวเมื่อหมดความจำเป็น
(๒) พยายามเก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จะกระทบถึงประโยชน์ได้เสียโดยตรงของ บุคคลนั้น
(๓) จัดให้มีการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาและตรวจสอบแก้ไขให้ถูกต้องอยู่เสมอเกี่ยวกับสิ่งดังต่อไปนี้
(ก) ประเภทของบุคคลที่มีการเก็บข้อมูลไว้
(ข) ประเภทของระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
(ค) ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ
(ง) วิธีการขอตรวจดูข้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล
(จ) วิธีการขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล
(ฉ) แหล่งที่มาของข้อมูล
(๔) ตรวจสอบแก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลในความรับผิดชอบให้ถูกต้องอยู่เสมอ
(๕) จัดระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่ระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันมิให้มีการนำไปใช้โดยไม่เหมาะสม หรือ เป็นผลร้ายต่อเจ้าของข้อมูล ในกรณีที่เก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบล่วงหน้าหรือพร้อมกับการขอข้อมูลถึงวัตถุประสงค์ที่จะนำข้อมูลมาใช้ ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ และกรณีที่ขอข้อมูลนั้นเป็นกรณีที่อาจให้ข้อมูลได้โดยความสมัครใจ หรือเป็นกรณีมีกฎหมายบังคับ หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบ ในกรณีมีการให้จัดส่งข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไปยังที่ใดซึ่งจะเป็นผลให้บุคคล ทั่วไปทราบข้อมูลข่าวสารนั้นได้ เว้นแต่เป็นไปตามลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ
มาตรา ๒๔ หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น หรือผู้อื่น โดยปราศจากความ ยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือในขณะนั้นมิได้ เว้นแต่เป็นการเปิดเผย ดังต่อไปนี้
(๑) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของตนเพื่อการนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้น
(๒) เป็นการใช้ข้อมูลตามปกติภายในวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลนั้น
(๓) ต่อหน่วยงานของรัฐที่ทำงานด้านการวางแผนหรือการสถิติหรือสำมะโนต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ต้องรักษาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ไว้ไม่ให้เปิดเผยต่อไปยังผู้อื่น
(๔) เป็นการให้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัยโดยไม่ระบุชื่อหรือส่วนที่ทำให้รู้ว่าเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลใด
(๕) ต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง เพื่อการตรวจดูคุณค่าใน การเก็บรักษา
(๖) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อการป้องกันการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การสืบสวน การสอบสวน หรือการฟ้องคดี ไม่ว่าเป็น คดีประเภทใดก็ตาม
(๗) เป็นการให้ซึ่งจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพของบุคคล
(๘) ต่อศาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอข้อเท็จจริงดังกล่าว (๙) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ(๙) ให้มีการ จัดทำบัญชีแสดงการเปิดเผยกำกับไว้ กับข้อมูลข่าวสารนั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๕ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน และเมื่อบุคคลนั้นมีคำขอเป็นหนังสือ หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นจะต้องให้บุคคลนั้น หรือผู้กระทำการแทนบุคคลนั้นได้ตรวจดูหรือได้รับ สำเนาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลนั้น และให้นำมาตรา ๙ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม การเปิดเผยรายงานการแพทย์ที่เกี่ยวกับบุคคลใด ถ้ากรณีมีเหตุอันควรเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยต่อเฉพาะแพทย์ที่บุคคลนั้น มอบหมายก็ได้ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนส่วนใดไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง ให้มีสิทธิยื่นคำขอเป็นหนังสือให้หน่วยงาน ของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนนั้นได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาคำขอดังกล่าว และแจ้งให้บุคคลนั้นทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีคำขอ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสามสิบวัน นับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่ง ไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร โดยยื่นคำอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการ และไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานของรัฐหมายเหตุคำขอของตนแนบไว้กับข้อมูลข่าวสารส่วนที่เกี่ยวข้องได้ ให้บุคคลตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีสิทธิดำเนินการตามมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และมาตรานี้แทนผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเจ้าของข้อมูลที่ถึงแก่กรรมแล้วได้
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: มาตรา ๒๑ เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี้ "บุคคล" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยและบุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
มาตรา ๒๒ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง อาจออกระเบียบโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่มิให้นำบทบัญญัติวรรคหนึ่ง (๓) ของมาตรา ๒๓ มาใช้บังคับกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานดังกล่าวก็ได้ หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นที่จะกำหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งนั้นต้องเป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งการเปิดเผยประเภทข้อมูล ข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง (๓) จะเป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อการดำเนินการของหน่วยงานดังกล่าว
มาตรา ๒๓ หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) ต้องจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลเพียงเท่าที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นเพื่อการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐให้สำเร็จ ตามวัตถุประสงค์เท่านั้น และยกเลิกการจัดให้มีระบบดังกล่าวเมื่อหมดความจำเป็น
(๒) พยายามเก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จะกระทบถึงประโยชน์ได้เสียโดยตรงของ บุคคลนั้น
(๓) จัดให้มีการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาและตรวจสอบแก้ไขให้ถูกต้องอยู่เสมอเกี่ยวกับสิ่งดังต่อไปนี้
(ก) ประเภทของบุคคลที่มีการเก็บข้อมูลไว้
(ข) ประเภทของระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
(ค) ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ
(ง) วิธีการขอตรวจดูข้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล
(จ) วิธีการขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล
(ฉ) แหล่งที่มาของข้อมูล
(๔) ตรวจสอบแก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลในความรับผิดชอบให้ถูกต้องอยู่เสมอ
(๕) จัดระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่ระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันมิให้มีการนำไปใช้โดยไม่เหมาะสม หรือ เป็นผลร้ายต่อเจ้าของข้อมูล ในกรณีที่เก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบล่วงหน้าหรือพร้อมกับการขอข้อมูลถึงวัตถุประสงค์ที่จะนำข้อมูลมาใช้ ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ และกรณีที่ขอข้อมูลนั้นเป็นกรณีที่อาจให้ข้อมูลได้โดยความสมัครใจ หรือเป็นกรณีมีกฎหมายบังคับ หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบ ในกรณีมีการให้จัดส่งข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไปยังที่ใดซึ่งจะเป็นผลให้บุคคล ทั่วไปทราบข้อมูลข่าวสารนั้นได้ เว้นแต่เป็นไปตามลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ
มาตรา ๒๔ หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น หรือผู้อื่น โดยปราศจากความ ยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือในขณะนั้นมิได้ เว้นแต่เป็นการเปิดเผย ดังต่อไปนี้
(๑) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของตนเพื่อการนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้น
(๒) เป็นการใช้ข้อมูลตามปกติภายในวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลนั้น
(๓) ต่อหน่วยงานของรัฐที่ทำงานด้านการวางแผนหรือการสถิติหรือสำมะโนต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ต้องรักษาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ไว้ไม่ให้เปิดเผยต่อไปยังผู้อื่น
(๔) เป็นการให้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัยโดยไม่ระบุชื่อหรือส่วนที่ทำให้รู้ว่าเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลใด
(๕) ต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง เพื่อการตรวจดูคุณค่าใน การเก็บรักษา
(๖) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อการป้องกันการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การสืบสวน การสอบสวน หรือการฟ้องคดี ไม่ว่าเป็น คดีประเภทใดก็ตาม
(๗) เป็นการให้ซึ่งจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพของบุคคล
(๘) ต่อศาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอข้อเท็จจริงดังกล่าว (๙) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ(๙) ให้มีการ จัดทำบัญชีแสดงการเปิดเผยกำกับไว้ กับข้อมูลข่าวสารนั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๕ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน และเมื่อบุคคลนั้นมีคำขอเป็นหนังสือ หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นจะต้องให้บุคคลนั้น หรือผู้กระทำการแทนบุคคลนั้นได้ตรวจดูหรือได้รับ สำเนาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลนั้น และให้นำมาตรา ๙ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม การเปิดเผยรายงานการแพทย์ที่เกี่ยวกับบุคคลใด ถ้ากรณีมีเหตุอันควรเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยต่อเฉพาะแพทย์ที่บุคคลนั้น มอบหมายก็ได้ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนส่วนใดไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง ให้มีสิทธิยื่นคำขอเป็นหนังสือให้หน่วยงาน ของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนนั้นได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาคำขอดังกล่าว และแจ้งให้บุคคลนั้นทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีคำขอ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสามสิบวัน นับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่ง ไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร โดยยื่นคำอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการ และไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานของรัฐหมายเหตุคำขอของตนแนบไว้กับข้อมูลข่าวสารส่วนที่เกี่ยวข้องได้ ให้บุคคลตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีสิทธิดำเนินการตามมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และมาตรานี้แทนผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเจ้าของข้อมูลที่ถึงแก่กรรมแล้วได้ ../add_file/มาตรา ๒๑ เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี้ "บุคคล" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยและบุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
มาตรา ๒๒ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง อาจออกระเบียบโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่มิให้นำบทบัญญัติวรรคหนึ่ง (๓) ของมาตรา ๒๓ มาใช้บังคับกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานดังกล่าวก็ได้ หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นที่จะกำหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งนั้นต้องเป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งการเปิดเผยประเภทข้อมูล ข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง (๓) จะเป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อการดำเนินการของหน่วยงานดังกล่าว
มาตรา ๒๓ หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) ต้องจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลเพียงเท่าที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นเพื่อการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐให้สำเร็จ ตามวัตถุประสงค์เท่านั้น และยกเลิกการจัดให้มีระบบดังกล่าวเมื่อหมดความจำเป็น
(๒) พยายามเก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จะกระทบถึงประโยชน์ได้เสียโดยตรงของ บุคคลนั้น
(๓) จัดให้มีการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาและตรวจสอบแก้ไขให้ถูกต้องอยู่เสมอเกี่ยวกับสิ่งดังต่อไปนี้
(ก) ประเภทของบุคคลที่มีการเก็บข้อมูลไว้
(ข) ประเภทของระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
(ค) ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ
(ง) วิธีการขอตรวจดูข้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล
(จ) วิธีการขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล
(ฉ) แหล่งที่มาของข้อมูล
(๔) ตรวจสอบแก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลในความรับผิดชอบให้ถูกต้องอยู่เสมอ
(๕) จัดระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่ระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันมิให้มีการนำไปใช้โดยไม่เหมาะสม หรือ เป็นผลร้ายต่อเจ้าของข้อมูล ในกรณีที่เก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบล่วงหน้าหรือพร้อมกับการขอข้อมูลถึงวัตถุประสงค์ที่จะนำข้อมูลมาใช้ ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ และกรณีที่ขอข้อมูลนั้นเป็นกรณีที่อาจให้ข้อมูลได้โดยความสมัครใจ หรือเป็นกรณีมีกฎหมายบังคับ หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบ ในกรณีมีการให้จัดส่งข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไปยังที่ใดซึ่งจะเป็นผลให้บุคคล ทั่วไปทราบข้อมูลข่าวสารนั้นได้ เว้นแต่เป็นไปตามลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ
มาตรา ๒๔ หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น หรือผู้อื่น โดยปราศจากความ ยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือในขณะนั้นมิได้ เว้นแต่เป็นการเปิดเผย ดังต่อไปนี้
(๑) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของตนเพื่อการนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้น
(๒) เป็นการใช้ข้อมูลตามปกติภายในวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลนั้น
(๓) ต่อหน่วยงานของรัฐที่ทำงานด้านการวางแผนหรือการสถิติหรือสำมะโนต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ต้องรักษาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ไว้ไม่ให้เปิดเผยต่อไปยังผู้อื่น
(๔) เป็นการให้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัยโดยไม่ระบุชื่อหรือส่วนที่ทำให้รู้ว่าเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลใด
(๕) ต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง เพื่อการตรวจดูคุณค่าใน การเก็บรักษา
(๖) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อการป้องกันการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การสืบสวน การสอบสวน หรือการฟ้องคดี ไม่ว่าเป็น คดีประเภทใดก็ตาม
(๗) เป็นการให้ซึ่งจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพของบุคคล
(๘) ต่อศาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอข้อเท็จจริงดังกล่าว (๙) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ(๙) ให้มีการ จัดทำบัญชีแสดงการเปิดเผยกำกับไว้ กับข้อมูลข่าวสารนั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๕ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน และเมื่อบุคคลนั้นมีคำขอเป็นหนังสือ หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นจะต้องให้บุคคลนั้น หรือผู้กระทำการแทนบุคคลนั้นได้ตรวจดูหรือได้รับ สำเนาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลนั้น และให้นำมาตรา ๙ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม การเปิดเผยรายงานการแพทย์ที่เกี่ยวกับบุคคลใด ถ้ากรณีมีเหตุอันควรเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยต่อเฉพาะแพทย์ที่บุคคลนั้น มอบหมายก็ได้ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนส่วนใดไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง ให้มีสิทธิยื่นคำขอเป็นหนังสือให้หน่วยงาน ของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนนั้นได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาคำขอดังกล่าว และแจ้งให้บุคคลนั้นทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีคำขอ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสามสิบวัน นับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่ง ไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร โดยยื่นคำอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการ และไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานของรัฐหมายเหตุคำขอของตนแนบไว้กับข้อมูลข่าวสารส่วนที่เกี่ยวข้องได้ ให้บุคคลตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีสิทธิดำเนินการตามมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และมาตรานี้แทนผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเจ้าของข้อมูลที่ถึงแก่กรรมแล้วได้
ชื่อไฟล์ : ข้อมูล อบต.ตาเบา ประชากร และชุมชน
ประวัติความเป็นมา
ตำบลตาเบาเป็นตำบลที่เก่าแก่ มีประวัติความเป็นมายาวนานอีกตำบลหนึ่งของอำเภอปราสาท ซึ่งไม่ได้ปรากฏหลักฐานว่าตำบลตาเบาได้รวมตัวกันขึ้นเป็นตำบลเมื่อปีใด อาศัยเพียงข้อสันนิษฐานจากคำเล่าของผู้สูงอายุที่เล่าต่อๆกันมาว่าอดีตเป็นตำบลหนึ่งที่มีพื้นที่กว้างมากซึ่งห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทมาทางทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 72.327 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 45,204.375 ไร่
การตั้งถิ่นฐานและขนบธรรมเนียมประเพณี ประชาชนในตำบลตาเบามักจะตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณข้างถนนสายหลักและสายรองในชุมชน โดยมีชุมชนที่ใหญ่ที่สุดของตำบล ได้แก่ บ้านลำพุก หมู่ที่ 14 ใช้ภาษาถิ่น คือภาษาเขมร ในการติดต่อสื่อสารในชุมชนเดียวกัน
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาได้ยกฐานะการปกครองจากสภาตำบลเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 โดยมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลครั้งแรกรวม 58 คน
ลักษณะที่ตั้ง
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา ตั้งอยู่ที่บ้านหนองจอก หมู่ที่ 11 ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทมาทางทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร ตามถนนสายโชคชัย-เดชอุดม ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 144-145 เป็นองค์การบริหารส่วนตำบล ขนาดกลาง
อาณาเขต
เขตการปกครององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 72.327 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 45,204.375 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ใช้ในด้านการเกษตร
เขตการปกครอง
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีอาณาเขตการปกครองติดต่อกับท้องถิ่นใกล้เคียง 6 ส่วน คือ ตำบลโคกยาง ตำบลหนองใหญ่ ตำบลกันตวจระมวล ตำบลกังแอน ตำบลบ้านพลวง และ ตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง ดังนี้
อาณาเขตทางทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
อาณาเขตทางทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลโคกยางและตำบลกันตวจระมวล อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
อาณาเขตทางทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลกังแอน และตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
อาณาเขตทางทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลหนองใหญ่ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพพื้นที่ทั่วไปของตำบลตาเบา เป็นที่ราบสูงลักษณะเป็นดินปนทราย พื้นที่ส่วนมากเป็นที่ราบโล่ง ใช้เป็นที่เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย โดยมีแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ ห้วยเสนง
ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุม มี 3 ฤดู คือ
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ – กลางเดือนพฤษภาคม
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม – กลางเดือนตุลาคม
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ข้อมูล อบต.ตาเบา ประชากร และชุมชน
ประวัติความเป็นมา
ตำบลตาเบาเป็นตำบลที่เก่าแก่ มีประวัติความเป็นมายาวนานอีกตำบลหนึ่งของอำเภอปราสาท ซึ่งไม่ได้ปรากฏหลักฐานว่าตำบลตาเบาได้รวมตัวกันขึ้นเป็นตำบลเมื่อปีใด อาศัยเพียงข้อสันนิษฐานจากคำเล่าของผู้สูงอายุที่เล่าต่อๆกันมาว่าอดีตเป็นตำบลหนึ่งที่มีพื้นที่กว้างมากซึ่งห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทมาทางทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 72.327 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 45,204.375 ไร่
การตั้งถิ่นฐานและขนบธรรมเนียมประเพณี ประชาชนในตำบลตาเบามักจะตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณข้างถนนสายหลักและสายรองในชุมชน โดยมีชุมชนที่ใหญ่ที่สุดของตำบล ได้แก่ บ้านลำพุก หมู่ที่ 14 ใช้ภาษาถิ่น คือภาษาเขมร ในการติดต่อสื่อสารในชุมชนเดียวกัน
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาได้ยกฐานะการปกครองจากสภาตำบลเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 โดยมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลครั้งแรกรวม 58 คน
ลักษณะที่ตั้ง
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา ตั้งอยู่ที่บ้านหนองจอก หมู่ที่ 11 ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทมาทางทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร ตามถนนสายโชคชัย-เดชอุดม ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 144-145 เป็นองค์การบริหารส่วนตำบล ขนาดกลาง
อาณาเขต
เขตการปกครององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 72.327 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 45,204.375 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ใช้ในด้านการเกษตร
เขตการปกครอง
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีอาณาเขตการปกครองติดต่อกับท้องถิ่นใกล้เคียง 6 ส่วน คือ ตำบลโคกยาง ตำบลหนองใหญ่ ตำบลกันตวจระมวล ตำบลกังแอน ตำบลบ้านพลวง และ ตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง ดังนี้
อาณาเขตทางทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
อาณาเขตทางทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลโคกยางและตำบลกันตวจระมวล อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
อาณาเขตทางทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลกังแอน และตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
อาณาเขตทางทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลหนองใหญ่ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพพื้นที่ทั่วไปของตำบลตาเบา เป็นที่ราบสูงลักษณะเป็นดินปนทราย พื้นที่ส่วนมากเป็นที่ราบโล่ง ใช้เป็นที่เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย โดยมีแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ ห้วยเสนง
ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุม มี 3 ฤดู คือ
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ – กลางเดือนพฤษภาคม
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม – กลางเดือนตุลาคม
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์../add_file/ ข้อมูล อบต.ตาเบา ประชากร และชุมชน
ประวัติความเป็นมา
ตำบลตาเบาเป็นตำบลที่เก่าแก่ มีประวัติความเป็นมายาวนานอีกตำบลหนึ่งของอำเภอปราสาท ซึ่งไม่ได้ปรากฏหลักฐานว่าตำบลตาเบาได้รวมตัวกันขึ้นเป็นตำบลเมื่อปีใด อาศัยเพียงข้อสันนิษฐานจากคำเล่าของผู้สูงอายุที่เล่าต่อๆกันมาว่าอดีตเป็นตำบลหนึ่งที่มีพื้นที่กว้างมากซึ่งห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทมาทางทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 72.327 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 45,204.375 ไร่
การตั้งถิ่นฐานและขนบธรรมเนียมประเพณี ประชาชนในตำบลตาเบามักจะตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณข้างถนนสายหลักและสายรองในชุมชน โดยมีชุมชนที่ใหญ่ที่สุดของตำบล ได้แก่ บ้านลำพุก หมู่ที่ 14 ใช้ภาษาถิ่น คือภาษาเขมร ในการติดต่อสื่อสารในชุมชนเดียวกัน
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาได้ยกฐานะการปกครองจากสภาตำบลเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 โดยมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลครั้งแรกรวม 58 คน
ลักษณะที่ตั้ง
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา ตั้งอยู่ที่บ้านหนองจอก หมู่ที่ 11 ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทมาทางทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร ตามถนนสายโชคชัย-เดชอุดม ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 144-145 เป็นองค์การบริหารส่วนตำบล ขนาดกลาง
อาณาเขต
เขตการปกครององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 72.327 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 45,204.375 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ใช้ในด้านการเกษตร
เขตการปกครอง
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีอาณาเขตการปกครองติดต่อกับท้องถิ่นใกล้เคียง 6 ส่วน คือ ตำบลโคกยาง ตำบลหนองใหญ่ ตำบลกันตวจระมวล ตำบลกังแอน ตำบลบ้านพลวง และ ตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง ดังนี้
อาณาเขตทางทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
อาณาเขตทางทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลโคกยางและตำบลกันตวจระมวล อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
อาณาเขตทางทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลกังแอน และตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
อาณาเขตทางทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลหนองใหญ่ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพพื้นที่ทั่วไปของตำบลตาเบา เป็นที่ราบสูงลักษณะเป็นดินปนทราย พื้นที่ส่วนมากเป็นที่ราบโล่ง ใช้เป็นที่เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย โดยมีแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ ห้วยเสนง
ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุม มี 3 ฤดู คือ
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ – กลางเดือนพฤษภาคม
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม – กลางเดือนตุลาคม
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์
ชื่อไฟล์ : w3-animate-fading
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: w3-animate-fading../add_file/w3-animate-fading
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ :
ตราสัญลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาประกอบด้วยสัญลักษณ์ ๓ อย่าง และมีความหมาย ดังนี้
๑. พรหมสี่หน้า หมายถึง เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ มี ๔ หน้า เชื่อว่าเป็นผู้สร้างโลกหรือเทพในพรหมโลก ตามคติพระพุทธศาสนา จำพวกมีรูป เรียก “รูปพรหม” คือผู้มีพรหมวิหารทั้ง ๔ ประการ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงหมายถึงการพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วม การพัฒนาชุมชนในกาลข้างหน้าด้วยการมองเห็นทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ประกอบกับหลักพรหมวิหาร ๔ ประการของผู้นำ
๒. พระอาทิตย์ หมายถึง เทวดาพระเคราะห์คือสุริยาทิตย์ที่เป็นหนึ่งในจักรวาลที่ปรากฏอย่างเสมอต้นเสมอปลายมีความมั่นคง เที่ยงธรรม และมีคุณธรรม อันจะเอื้อประโยชน์ต่อมวลประชาราษฎร เพื่อความผาสุกของราษฎรทั้งในปัจจุบันและอนาคต
๓. รวงข้าว หมายถึง พืชล้มลุกจำพวกหญ้า มีหลายชนิดใช้เป็นอาหารหลัก จึงหมายถึง องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบามีการปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักและมีความรุ่งเรืองของธัญพืชจำพวกข้าวที่มีคุณภาพ มีความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของชุมชนด้วยความเพียงพอและสมดุล
สรุปได้ว่า ตราสัญลักษณ์ของ องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีความหมายได้ว่า มีความรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ของธัญพืช ข้าวปลาอาหาร มีผู้นำที่มองการณ์ไกลไปข้างหน้า ทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ผู้นำมีหลักพรหมวิหาร ๔ ในการปกครองชุมชนและผู้นำมีความเที่ยงธรรม มีคุณธรรมและมีความชอบธรรมอย่างเสมอต้นเสมอปลายในการพัฒนาอันจะเอื้อประโยชน์และความผาสุกของประชาราษฎรและชุมชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วยความพูนสุขตลอดไป
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
ตราสัญลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาประกอบด้วยสัญลักษณ์ ๓ อย่าง และมีความหมาย ดังนี้
๑. พรหมสี่หน้า หมายถึง เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ มี ๔ หน้า เชื่อว่าเป็นผู้สร้างโลกหรือเทพในพรหมโลก ตามคติพระพุทธศาสนา จำพวกมีรูป เรียก “รูปพรหม” คือผู้มีพรหมวิหารทั้ง ๔ ประการ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงหมายถึงการพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วม การพัฒนาชุมชนในกาลข้างหน้าด้วยการมองเห็นทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ประกอบกับหลักพรหมวิหาร ๔ ประการของผู้นำ
๒. พระอาทิตย์ หมายถึง เทวดาพระเคราะห์คือสุริยาทิตย์ที่เป็นหนึ่งในจักรวาลที่ปรากฏอย่างเสมอต้นเสมอปลายมีความมั่นคง เที่ยงธรรม และมีคุณธรรม อันจะเอื้อประโยชน์ต่อมวลประชาราษฎร เพื่อความผาสุกของราษฎรทั้งในปัจจุบันและอนาคต
๓. รวงข้าว หมายถึง พืชล้มลุกจำพวกหญ้า มีหลายชนิดใช้เป็นอาหารหลัก จึงหมายถึง องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบามีการปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักและมีความรุ่งเรืองของธัญพืชจำพวกข้าวที่มีคุณภาพ มีความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของชุมชนด้วยความเพียงพอและสมดุล
สรุปได้ว่า ตราสัญลักษณ์ของ องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีความหมายได้ว่า มีความรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ของธัญพืช ข้าวปลาอาหาร มีผู้นำที่มองการณ์ไกลไปข้างหน้า ทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ผู้นำมีหลักพรหมวิหาร ๔ ในการปกครองชุมชนและผู้นำมีความเที่ยงธรรม มีคุณธรรมและมีความชอบธรรมอย่างเสมอต้นเสมอปลายในการพัฒนาอันจะเอื้อประโยชน์และความผาสุกของประชาราษฎรและชุมชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วยความพูนสุขตลอดไป../add_file/
ตราสัญลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาประกอบด้วยสัญลักษณ์ ๓ อย่าง และมีความหมาย ดังนี้
๑. พรหมสี่หน้า หมายถึง เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ มี ๔ หน้า เชื่อว่าเป็นผู้สร้างโลกหรือเทพในพรหมโลก ตามคติพระพุทธศาสนา จำพวกมีรูป เรียก “รูปพรหม” คือผู้มีพรหมวิหารทั้ง ๔ ประการ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงหมายถึงการพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วม การพัฒนาชุมชนในกาลข้างหน้าด้วยการมองเห็นทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ประกอบกับหลักพรหมวิหาร ๔ ประการของผู้นำ
๒. พระอาทิตย์ หมายถึง เทวดาพระเคราะห์คือสุริยาทิตย์ที่เป็นหนึ่งในจักรวาลที่ปรากฏอย่างเสมอต้นเสมอปลายมีความมั่นคง เที่ยงธรรม และมีคุณธรรม อันจะเอื้อประโยชน์ต่อมวลประชาราษฎร เพื่อความผาสุกของราษฎรทั้งในปัจจุบันและอนาคต
๓. รวงข้าว หมายถึง พืชล้มลุกจำพวกหญ้า มีหลายชนิดใช้เป็นอาหารหลัก จึงหมายถึง องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบามีการปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักและมีความรุ่งเรืองของธัญพืชจำพวกข้าวที่มีคุณภาพ มีความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของชุมชนด้วยความเพียงพอและสมดุล
สรุปได้ว่า ตราสัญลักษณ์ของ องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีความหมายได้ว่า มีความรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ของธัญพืช ข้าวปลาอาหาร มีผู้นำที่มองการณ์ไกลไปข้างหน้า ทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ผู้นำมีหลักพรหมวิหาร ๔ ในการปกครองชุมชนและผู้นำมีความเที่ยงธรรม มีคุณธรรมและมีความชอบธรรมอย่างเสมอต้นเสมอปลายในการพัฒนาอันจะเอื้อประโยชน์และความผาสุกของประชาราษฎรและชุมชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วยความพูนสุขตลอดไป
ชื่อไฟล์ : อีเมลล์ :
เบอร์โทร :
การดำเนินการด้านการบริหารงานบุคคล
- การวางแผนกำลังคน พิจารณาจัดระเบียบงานและโครงสร้าง การแบ่งส่วนราชการของ อบต. การปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การควบคุณมการใช้อัตรากำลังของพนักงานส่วนตำบล
- การสรรหา บรรจุและแต่งตั้ง การเลื่อนตำแหน่ง การประเมินบุคคลและผลงาน การโอน ย้าย การออกจากราชการ และการประเมินผลการปฏิบัติงาน
- การดำเนินการด้านทะเบียนประวัติและบำเหน็จบำนาญ การลาประเภทต่าง ๆ การขอพระราชทานเครื่องราชฯ การออกหนังสือสำคัญ และหนังสือรับรองเพื่อสิทธิต่างๆ การขอบำเหน็จบำนาญ เงินทำขวัญ เงินช่วยเหลือ
- การจัดทำแผนกลยุทธของ อบต. และแผนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ การตรวจสอบสืบสวนหาข้อเท็จจริง ร้องเรียน แจ้งเบาะแส ดำเนินการทางวินัยพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับอุทธรณ์ การวางแผนเสริมสร้างและปรับปรุงระบบงานวินัย การรักาาวินัยและจรรยาของพนักงานส่วนตำบลให้สดอคล้องกับประกาศคุณะรรม จริยธรรม และจรรยาวิชาชนองค์กร
- การดำเนินการด้านการฝึกอบรม
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: อีเมลล์ :
เบอร์โทร :
การดำเนินการด้านการบริหารงานบุคคล
- การวางแผนกำลังคน พิจารณาจัดระเบียบงานและโครงสร้าง การแบ่งส่วนราชการของ อบต. การปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การควบคุณมการใช้อัตรากำลังของพนักงานส่วนตำบล
- การสรรหา บรรจุและแต่งตั้ง การเลื่อนตำแหน่ง การประเมินบุคคลและผลงาน การโอน ย้าย การออกจากราชการ และการประเมินผลการปฏิบัติงาน
- การดำเนินการด้านทะเบียนประวัติและบำเหน็จบำนาญ การลาประเภทต่าง ๆ การขอพระราชทานเครื่องราชฯ การออกหนังสือสำคัญ และหนังสือรับรองเพื่อสิทธิต่างๆ การขอบำเหน็จบำนาญ เงินทำขวัญ เงินช่วยเหลือ
- การจัดทำแผนกลยุทธของ อบต. และแผนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ การตรวจสอบสืบสวนหาข้อเท็จจริง ร้องเรียน แจ้งเบาะแส ดำเนินการทางวินัยพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับอุทธรณ์ การวางแผนเสริมสร้างและปรับปรุงระบบงานวินัย การรักาาวินัยและจรรยาของพนักงานส่วนตำบลให้สดอคล้องกับประกาศคุณะรรม จริยธรรม และจรรยาวิชาชนองค์กร
- การดำเนินการด้านการฝึกอบรม../add_file/อีเมลล์ :
เบอร์โทร :
การดำเนินการด้านการบริหารงานบุคคล
- การวางแผนกำลังคน พิจารณาจัดระเบียบงานและโครงสร้าง การแบ่งส่วนราชการของ อบต. การปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การควบคุณมการใช้อัตรากำลังของพนักงานส่วนตำบล
- การสรรหา บรรจุและแต่งตั้ง การเลื่อนตำแหน่ง การประเมินบุคคลและผลงาน การโอน ย้าย การออกจากราชการ และการประเมินผลการปฏิบัติงาน
- การดำเนินการด้านทะเบียนประวัติและบำเหน็จบำนาญ การลาประเภทต่าง ๆ การขอพระราชทานเครื่องราชฯ การออกหนังสือสำคัญ และหนังสือรับรองเพื่อสิทธิต่างๆ การขอบำเหน็จบำนาญ เงินทำขวัญ เงินช่วยเหลือ
- การจัดทำแผนกลยุทธของ อบต. และแผนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ การตรวจสอบสืบสวนหาข้อเท็จจริง ร้องเรียน แจ้งเบาะแส ดำเนินการทางวินัยพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับอุทธรณ์ การวางแผนเสริมสร้างและปรับปรุงระบบงานวินัย การรักาาวินัยและจรรยาของพนักงานส่วนตำบลให้สดอคล้องกับประกาศคุณะรรม จริยธรรม และจรรยาวิชาชนองค์กร
- การดำเนินการด้านการฝึกอบรม
ชื่อไฟล์ : สภาพเศรษฐกิจ
ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม/ธุรกิจ
ร้านเฟอร์นิเจอร์ 1 แห่ง
การพาณิชยกรรมและบริการ
สถานีน้ำมัน
จำนวนสถานีน้ำมัน/ปั้ม 1 แห่ง
สถานประกอบการ
จำนวนโรงสีข้าว 68 แห่ง
จำนวนร้านค้า 90 แห่ง
จำนวนร้านซ่อมรถจักยานยนต์ 4 แห่ง
จำนวนร้านซ่อมโทรทัศน์,วิทยุ 1 แห่ง
จำนวนโกดังสินค้า 1 แห่ง
จำนวนเสาเครือข่ายโทรศัพท์ 1 แห่ง
พืชเศรษฐกิจ
ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมพืชเศรษฐกิจที่ทำการเพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นข้าวโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: สภาพเศรษฐกิจ
ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม/ธุรกิจ
ร้านเฟอร์นิเจอร์ 1 แห่ง
การพาณิชยกรรมและบริการ
สถานีน้ำมัน
จำนวนสถานีน้ำมัน/ปั้ม 1 แห่ง
สถานประกอบการ
จำนวนโรงสีข้าว 68 แห่ง
จำนวนร้านค้า 90 แห่ง
จำนวนร้านซ่อมรถจักยานยนต์ 4 แห่ง
จำนวนร้านซ่อมโทรทัศน์,วิทยุ 1 แห่ง
จำนวนโกดังสินค้า 1 แห่ง
จำนวนเสาเครือข่ายโทรศัพท์ 1 แห่ง
พืชเศรษฐกิจ
ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมพืชเศรษฐกิจที่ทำการเพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นข้าวโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ../add_file/สภาพเศรษฐกิจ
ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม/ธุรกิจ
ร้านเฟอร์นิเจอร์ 1 แห่ง
การพาณิชยกรรมและบริการ
สถานีน้ำมัน
จำนวนสถานีน้ำมัน/ปั้ม 1 แห่ง
สถานประกอบการ
จำนวนโรงสีข้าว 68 แห่ง
จำนวนร้านค้า 90 แห่ง
จำนวนร้านซ่อมรถจักยานยนต์ 4 แห่ง
จำนวนร้านซ่อมโทรทัศน์,วิทยุ 1 แห่ง
จำนวนโกดังสินค้า 1 แห่ง
จำนวนเสาเครือข่ายโทรศัพท์ 1 แห่ง
พืชเศรษฐกิจ
ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมพืชเศรษฐกิจที่ทำการเพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นข้าวโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ
ชื่อไฟล์ : มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะเปิดเผยมิได้ มาตรา ๑๕ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำสั่ง มิให้เปิดเผยก็ได้ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน
(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ หรือการคลังของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ตาม
(๓) ความเห็นหรือคำแนะนำภายในหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการทำความเห็นหรือคำแนะนำภายในดังกล่าว
(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร
(๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการ นำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น
(๗) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วยว่าที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูล ข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถือว่าการมีคำสั่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นดุลพินิจ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามลำดับสายการบังคับบัญชา แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิดเผยต่อบุคคลใดได้ หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใดและสมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐกำหนดวิธีการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วย การรักษาความลับของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคำคัดค้านภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคำคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยทำเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคำคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดย ไม่ชักช้า ในกรณีที่มีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล่วงพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตาม
มาตรา ๑๘ หรือจนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๘ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือมีคำสั่งไม่รับฟัง คำคัดค้านของผู้ที่มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา ๑๗ ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้นโดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา ๑๙ การพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่มีคำสั่งมิให้เปิดเผยนั้นไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการ คณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ตาม จะต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยมิให้ข้อมูลข่าวสารนั้นเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดที่ไม่จำเป็น แก่การพิจารณาและในกรณีที่จำเป็นจะพิจารณาลับหลังคู่กรณีหรือคู่ความฝ่ายใดก็ได้
มาตรา ๒o การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดแม้จะเข้าข่ายต้องมีความรับผิดตามกฎหมายใด ใ ห้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิด หากเป็นการกระทำโดยสุจริตในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามระเบียบตามมาตรา ๑๖
(๒) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีคำสั่งให้เปิดเผยเป็นการทั่วไป หรือเฉพาะแก่บุคคลใดเพื่อ ประโยชน์อันสำคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล และคำสั่งนั้นได้กระทำโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี้จะมีการกำหนดข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการใช้ข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเหมาะสมก็ได้ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายหากจะพึงมีในกรณี ดังกล่าว
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะเปิดเผยมิได้ มาตรา ๑๕ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำสั่ง มิให้เปิดเผยก็ได้ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน
(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ หรือการคลังของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ตาม
(๓) ความเห็นหรือคำแนะนำภายในหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการทำความเห็นหรือคำแนะนำภายในดังกล่าว
(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร
(๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการ นำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น
(๗) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วยว่าที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูล ข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถือว่าการมีคำสั่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นดุลพินิจ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามลำดับสายการบังคับบัญชา แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิดเผยต่อบุคคลใดได้ หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใดและสมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐกำหนดวิธีการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วย การรักษาความลับของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคำคัดค้านภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคำคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยทำเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคำคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดย ไม่ชักช้า ในกรณีที่มีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล่วงพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตาม
มาตรา ๑๘ หรือจนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๘ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือมีคำสั่งไม่รับฟัง คำคัดค้านของผู้ที่มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา ๑๗ ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้นโดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา ๑๙ การพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่มีคำสั่งมิให้เปิดเผยนั้นไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการ คณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ตาม จะต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยมิให้ข้อมูลข่าวสารนั้นเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดที่ไม่จำเป็น แก่การพิจารณาและในกรณีที่จำเป็นจะพิจารณาลับหลังคู่กรณีหรือคู่ความฝ่ายใดก็ได้
มาตรา ๒o การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดแม้จะเข้าข่ายต้องมีความรับผิดตามกฎหมายใด ใ ห้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิด หากเป็นการกระทำโดยสุจริตในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามระเบียบตามมาตรา ๑๖
(๒) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีคำสั่งให้เปิดเผยเป็นการทั่วไป หรือเฉพาะแก่บุคคลใดเพื่อ ประโยชน์อันสำคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล และคำสั่งนั้นได้กระทำโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี้จะมีการกำหนดข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการใช้ข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเหมาะสมก็ได้ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายหากจะพึงมีในกรณี ดังกล่าว../add_file/มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะเปิดเผยมิได้ มาตรา ๑๕ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำสั่ง มิให้เปิดเผยก็ได้ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน
(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ หรือการคลังของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ตาม
(๓) ความเห็นหรือคำแนะนำภายในหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการทำความเห็นหรือคำแนะนำภายในดังกล่าว
(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร
(๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการ นำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น
(๗) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วยว่าที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูล ข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถือว่าการมีคำสั่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นดุลพินิจ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามลำดับสายการบังคับบัญชา แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิดเผยต่อบุคคลใดได้ หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใดและสมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐกำหนดวิธีการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วย การรักษาความลับของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคำคัดค้านภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคำคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยทำเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคำคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดย ไม่ชักช้า ในกรณีที่มีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล่วงพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตาม
มาตรา ๑๘ หรือจนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๘ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือมีคำสั่งไม่รับฟัง คำคัดค้านของผู้ที่มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา ๑๗ ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้นโดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา ๑๙ การพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่มีคำสั่งมิให้เปิดเผยนั้นไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการ คณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ตาม จะต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยมิให้ข้อมูลข่าวสารนั้นเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดที่ไม่จำเป็น แก่การพิจารณาและในกรณีที่จำเป็นจะพิจารณาลับหลังคู่กรณีหรือคู่ความฝ่ายใดก็ได้
มาตรา ๒o การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดแม้จะเข้าข่ายต้องมีความรับผิดตามกฎหมายใด ใ ห้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิด หากเป็นการกระทำโดยสุจริตในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามระเบียบตามมาตรา ๑๖
(๒) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีคำสั่งให้เปิดเผยเป็นการทั่วไป หรือเฉพาะแก่บุคคลใดเพื่อ ประโยชน์อันสำคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล และคำสั่งนั้นได้กระทำโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี้จะมีการกำหนดข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการใช้ข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเหมาะสมก็ได้ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายหากจะพึงมีในกรณี ดังกล่าว
ชื่อไฟล์ :
ตราสัญลักษณ์
.png)
ตราสัญลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาประกอบด้วยสัญลักษณ์ ๓ อย่าง และมีความหมาย ดังนี้
๑. พรหมสี่หน้า หมายถึง เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ มี ๔ หน้า เชื่อว่าเป็นผู้สร้างโลกหรือเทพในพรหมโลก ตามคติพระพุทธศาสนา จำพวกมีรูป เรียก “รูปพรหม” คือผู้มีพรหมวิหารทั้ง ๔ ประการ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงหมายถึงการพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วม การพัฒนาชุมชนในกาลข้างหน้าด้วยการมองเห็นทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ประกอบกับหลักพรหมวิหาร ๔ ประการของผู้นำ
๒. พระอาทิตย์ หมายถึง เทวดาพระเคราะห์คือสุริยาทิตย์ที่เป็นหนึ่งในจักรวาลที่ปรากฏอย่างเสมอต้นเสมอปลายมีความมั่นคง เที่ยงธรรม และมีคุณธรรม อันจะเอื้อประโยชน์ต่อมวลประชาราษฎร เพื่อความผาสุกของราษฎรทั้งในปัจจุบันและอนาคต
๓. รวงข้าว หมายถึง พืชล้มลุกจำพวกหญ้า มีหลายชนิดใช้เป็นอาหารหลัก จึงหมายถึง องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบามีการปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักและมีความรุ่งเรืองของธัญพืชจำพวกข้าวที่มีคุณภาพ มีความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของชุมชนด้วยความเพียงพอและสมดุล
สรุปได้ว่า ตราสัญลักษณ์ของ องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีความหมายได้ว่า มีความรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ของธัญพืช ข้าวปลาอาหาร มีผู้นำที่มองการณ์ไกลไปข้างหน้า ทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ผู้นำมีหลักพรหมวิหาร ๔ ในการปกครองชุมชนและผู้นำมีความเที่ยงธรรม มีคุณธรรมและมีความชอบธรรมอย่างเสมอต้นเสมอปลายในการพัฒนาอันจะเอื้อประโยชน์และความผาสุกของประชาราษฎรและชุมชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วยความพูนสุขตลอดไป
ตราสัญลักษณ์
.png)
ตราสัญลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาประกอบด้วยสัญลักษณ์ ๓ อย่าง และมีความหมาย ดังนี้
๑. พรหมสี่หน้า หมายถึง เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ มี ๔ หน้า เชื่อว่าเป็นผู้สร้างโลกหรือเทพในพรหมโลก ตามคติพระพุทธศาสนา จำพวกมีรูป เรียก “รูปพรหม” คือผู้มีพรหมวิหารทั้ง ๔ ประการ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงหมายถึงการพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วม การพัฒนาชุมชนในกาลข้างหน้าด้วยการมองเห็นทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ประกอบกับหลักพรหมวิหาร ๔ ประการของผู้นำ
๒. พระอาทิตย์ หมายถึง เทวดาพระเคราะห์คือสุริยาทิตย์ที่เป็นหนึ่งในจักรวาลที่ปรากฏอย่างเสมอต้นเสมอปลายมีความมั่นคง เที่ยงธรรม และมีคุณธรรม อันจะเอื้อประโยชน์ต่อมวลประชาราษฎร เพื่อความผาสุกของราษฎรทั้งในปัจจุบันและอนาคต
๓. รวงข้าว หมายถึง พืชล้มลุกจำพวกหญ้า มีหลายชนิดใช้เป็นอาหารหลัก จึงหมายถึง องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบามีการปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักและมีความรุ่งเรืองของธัญพืชจำพวกข้าวที่มีคุณภาพ มีความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของชุมชนด้วยความเพียงพอและสมดุล
สรุปได้ว่า ตราสัญลักษณ์ของ องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีความหมายได้ว่า มีความรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ของธัญพืช ข้าวปลาอาหาร มีผู้นำที่มองการณ์ไกลไปข้างหน้า ทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ผู้นำมีหลักพรหมวิหาร ๔ ในการปกครองชุมชนและผู้นำมีความเที่ยงธรรม มีคุณธรรมและมีความชอบธรรมอย่างเสมอต้นเสมอปลายในการพัฒนาอันจะเอื้อประโยชน์และความผาสุกของประชาราษฎรและชุมชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วยความพูนสุขตลอดไป
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
ตราสัญลักษณ์
.png)
ตราสัญลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาประกอบด้วยสัญลักษณ์ ๓ อย่าง และมีความหมาย ดังนี้
๑. พรหมสี่หน้า หมายถึง เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ มี ๔ หน้า เชื่อว่าเป็นผู้สร้างโลกหรือเทพในพรหมโลก ตามคติพระพุทธศาสนา จำพวกมีรูป เรียก “รูปพรหม” คือผู้มีพรหมวิหารทั้ง ๔ ประการ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงหมายถึงการพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วม การพัฒนาชุมชนในกาลข้างหน้าด้วยการมองเห็นทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ประกอบกับหลักพรหมวิหาร ๔ ประการของผู้นำ
๒. พระอาทิตย์ หมายถึง เทวดาพระเคราะห์คือสุริยาทิตย์ที่เป็นหนึ่งในจักรวาลที่ปรากฏอย่างเสมอต้นเสมอปลายมีความมั่นคง เที่ยงธรรม และมีคุณธรรม อันจะเอื้อประโยชน์ต่อมวลประชาราษฎร เพื่อความผาสุกของราษฎรทั้งในปัจจุบันและอนาคต
๓. รวงข้าว หมายถึง พืชล้มลุกจำพวกหญ้า มีหลายชนิดใช้เป็นอาหารหลัก จึงหมายถึง องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบามีการปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักและมีความรุ่งเรืองของธัญพืชจำพวกข้าวที่มีคุณภาพ มีความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของชุมชนด้วยความเพียงพอและสมดุล
สรุปได้ว่า ตราสัญลักษณ์ของ องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีความหมายได้ว่า มีความรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ของธัญพืช ข้าวปลาอาหาร มีผู้นำที่มองการณ์ไกลไปข้างหน้า ทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ผู้นำมีหลักพรหมวิหาร ๔ ในการปกครองชุมชนและผู้นำมีความเที่ยงธรรม มีคุณธรรมและมีความชอบธรรมอย่างเสมอต้นเสมอปลายในการพัฒนาอันจะเอื้อประโยชน์และความผาสุกของประชาราษฎรและชุมชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วยความพูนสุขตลอดไป
../add_file/
ตราสัญลักษณ์
.png)
ตราสัญลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาประกอบด้วยสัญลักษณ์ ๓ อย่าง และมีความหมาย ดังนี้
๑. พรหมสี่หน้า หมายถึง เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ มี ๔ หน้า เชื่อว่าเป็นผู้สร้างโลกหรือเทพในพรหมโลก ตามคติพระพุทธศาสนา จำพวกมีรูป เรียก “รูปพรหม” คือผู้มีพรหมวิหารทั้ง ๔ ประการ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงหมายถึงการพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วม การพัฒนาชุมชนในกาลข้างหน้าด้วยการมองเห็นทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ประกอบกับหลักพรหมวิหาร ๔ ประการของผู้นำ
๒. พระอาทิตย์ หมายถึง เทวดาพระเคราะห์คือสุริยาทิตย์ที่เป็นหนึ่งในจักรวาลที่ปรากฏอย่างเสมอต้นเสมอปลายมีความมั่นคง เที่ยงธรรม และมีคุณธรรม อันจะเอื้อประโยชน์ต่อมวลประชาราษฎร เพื่อความผาสุกของราษฎรทั้งในปัจจุบันและอนาคต
๓. รวงข้าว หมายถึง พืชล้มลุกจำพวกหญ้า มีหลายชนิดใช้เป็นอาหารหลัก จึงหมายถึง องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบามีการปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักและมีความรุ่งเรืองของธัญพืชจำพวกข้าวที่มีคุณภาพ มีความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของชุมชนด้วยความเพียงพอและสมดุล
สรุปได้ว่า ตราสัญลักษณ์ของ องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีความหมายได้ว่า มีความรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ของธัญพืช ข้าวปลาอาหาร มีผู้นำที่มองการณ์ไกลไปข้างหน้า ทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศ ผู้นำมีหลักพรหมวิหาร ๔ ในการปกครองชุมชนและผู้นำมีความเที่ยงธรรม มีคุณธรรมและมีความชอบธรรมอย่างเสมอต้นเสมอปลายในการพัฒนาอันจะเอื้อประโยชน์และความผาสุกของประชาราษฎรและชุมชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วยความพูนสุขตลอดไป
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : แผนพัฒนาสามปี
ส่วนที่ 5 บัญชีโครงการพัฒนา
บัญชีสรุปโครงการพัฒนา
แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. 2554 ถึง 2556)
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ประเภทโครงการ/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเองและอุดหนุนให้หน่วยงานอื่น
ดำเนินการ
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: แผนพัฒนาสามปี
ส่วนที่ 5 บัญชีโครงการพัฒนา
บัญชีสรุปโครงการพัฒนา
แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. 2554 ถึง 2556)
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ประเภทโครงการ/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเองและอุดหนุนให้หน่วยงานอื่น
ดำเนินการ../add_file/ แผนพัฒนาสามปี
ส่วนที่ 5 บัญชีโครงการพัฒนา
บัญชีสรุปโครงการพัฒนา
แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. 2554 ถึง 2556)
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ประเภทโครงการ/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเองและอุดหนุนให้หน่วยงานอื่น
ดำเนินการ
ชื่อไฟล์ : สำนักปลัด
มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับราชการทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลและราชการที่มิได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการใดในองค์การบริหารส่วนตำบล โดยเฉพาะ งานธุรการ งานสารบรรณการจัดทำทะเบียนสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลคณะกรรมการบริหารฯ งานพิมพ์ดีด งานอินเตอร์เน็ตตำบล งานการเจ้าหน้าที่ งานการประชุมงานการข้อบังคับตำบล งานนิติการ งานรัฐพิธี งานประชาสัมพันธ์ งานจัดทำแผนพัฒนาตำบลงานการจัดทำข้อบังคับงบประมาณประจำปีงานขออนุมัติ ดำเนินการตามข้อบังคับงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานส่งเสริมการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม งานนิเทศการศึกษา งานจัดการศึกษา งานทดสอบและประเมินตรวจวัดผล งานบริการและบำรุงสถานศึกษา งานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ส่งเสริมกิจการศาสนาประเพณี ศิลปวัฒนธรรม งานกิจการเด็กและเยาวชน งานกีฬาและสันทนาการ งานสวัสดิการสังคม งานพัฒนาชุมชน งานจัดระเบียบ ชุมชน งานสังคมสงเคราะห์ งานส่งเสริมอาชีพและข้อมูลแรงงาน งานพัฒนาสตรีและเยาวชน งานสนับสนุนกิจกรรมของเด็กและสตรี งานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย รวมทั้งกำกับและเร่งรัดการปฏิบัติราชการของ ส่วนราชการในองค์การบริหารส่วนตำบลให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทางและแผนการราชการ ของ องค์การบริหารส่วนตำบล แบ่งส่วนราชการภายในออกเป็น 6 งาน คือ
งานบริหารทั่วไป
มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ งานธุรการ สารบรรณ การจัดทำทะเบียนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล คณะกรรมการบริหารฯ งานทะเบียนยานพาหนะ งานพิมพ์ดีด งานการ เจ้าหน้าที่ งานการประชุม งานรัฐพิธี งานกิจการสภา อบต. งานเลือกตั้ง งานตรวจสอบภายใน งานควบคุมและ ส่งเสริมการท่องเที่ยว งานรักษาความปลอดภัยและความสะอาดสำนักงาน และงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย
งานนโยบายและแผน
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานวิชาการ งานนโยบายของ องค์การบริหารส่วนตำบล งานจัดทำแผนพัฒนา
ตำบล 3 ปี และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล 5 ปี งานการข้อบังคับตำบลด้านงบประมาณ งานสารสนเทศระบบ คอมพิวเตอร์ และ งานอินเตอร์เน็ตตำบล งานรวบรวมข้อมูลและสถิติทางเทคนิคและวิชาการทุกประเภท งานประชาสัมพันธ์
งานกฎหมายและคดี
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานกฎหมายและนิติกรรม งานการดำเนินการทางคดีขององค์การบริหารส่วนตำบล งานศาลปกครอง งานร้องเรียน ร้องทุกข์และอุทธรณ์ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานช่วยเหลือฟื้นฟู งานกู้ภัย
งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานอำนวยการ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานช่วยเหลือฟื้นฟู งานกู้ภัย
งานส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
มีหน้าที่รับผิดชอบ งานบริหารวิชาการศึกษา งานเทคโนโลยีทางการศึกษา งานจัดการศึกษา งานทดสอบและ ประเมินตรวจวัดผล งานบริการและบำรุงสถานศึกษา งานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ส่งเสริมกิจการศาสนา
งานส่งเสริมประเพณี ศิลปวัฒนธรรม งาน กิจการเด็กและเยาวชน งานกีฬาและสันทนาการ
งานสวัสดิการและพัฒนาชุมชน
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานสวัสดิการสังคม งานพัฒนาชุมชน งานจัดระเบียบชุมชน งานสังคมสงเคราะห์ งานพิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี งานส่งเสริมอาชีพและข้อมูลแรงงาน งานพัฒนาสตรีและเยาวชน งานสนับสนุนกิจกรรมของเด็กและสตรี
งานธุรการและการเจ้าหน้าที่
มีหน้าที่รับผิดชอบกับงานสารบรรณของเทศบาลการประชุมพนักงาน ลูกจ้างและพนักงานจ้างเทศบาล การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหรียญจักรพรรดิมาลา การเตรียมการเลือกตั้ง การจัดทำคำสั่งและประกาศต่าง ๆ การแจ้งมติและคำสั่งต่าง ๆ การบริหารงานบุคคล การบรรจุแต่งตั้ง โอนย้าย และการเลื่อนระดับ การสอบแข่งขันสอบคัดเลือกและการคัดเลือกการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประวัติของบุคลากร การพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพของบุคลากร การประเมินผลการปฏิบัติงาน การขออนุมัติปรับปรุงตำแหน่งและอัตรากำลัง การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน การให้บำเหน็จความชอบ งานสวัสดิการพนักงาน/ลูกจ้าง การลาทุกประเภท และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
งานทะเบียนราษฎรและบัตร
มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการด้านการขอเลขหมายประจำบ้าน การแจ้งรื้อ-ถอนบ้าน การรับแจ้งย้ายเข้า ย้ายออก และแจ้งย้ายปลายทาง รับแจ้งเกิด-การตาย การเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน การแก้ไขรายการทะเบียนราษฎร งานการเลือกตั้งการลงประชามติ และงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
งานแผนและงบประมาณ
มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการวิเคราะห์นโยบายและแผน ซึ่งมีลักษณะเพื่อประกอบการกำหนดนโยบายจัดทำแผนหรือโครงการ ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตามแผนและโครงการต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นนโยบายแผนงานของเทศบาลและโครงการระดับชาติ ระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด แล้วแต่กรณี งานการจัดทำงบประมาณงานประชาสัมพันธ์ งานเลขานุการ การประชุมสภาเทศบาล งานิติการ และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: สำนักปลัด
มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับราชการทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลและราชการที่มิได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการใดในองค์การบริหารส่วนตำบล โดยเฉพาะ งานธุรการ งานสารบรรณการจัดทำทะเบียนสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลคณะกรรมการบริหารฯ งานพิมพ์ดีด งานอินเตอร์เน็ตตำบล งานการเจ้าหน้าที่ งานการประชุมงานการข้อบังคับตำบล งานนิติการ งานรัฐพิธี งานประชาสัมพันธ์ งานจัดทำแผนพัฒนาตำบลงานการจัดทำข้อบังคับงบประมาณประจำปีงานขออนุมัติ ดำเนินการตามข้อบังคับงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานส่งเสริมการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม งานนิเทศการศึกษา งานจัดการศึกษา งานทดสอบและประเมินตรวจวัดผล งานบริการและบำรุงสถานศึกษา งานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ส่งเสริมกิจการศาสนาประเพณี ศิลปวัฒนธรรม งานกิจการเด็กและเยาวชน งานกีฬาและสันทนาการ งานสวัสดิการสังคม งานพัฒนาชุมชน งานจัดระเบียบ ชุมชน งานสังคมสงเคราะห์ งานส่งเสริมอาชีพและข้อมูลแรงงาน งานพัฒนาสตรีและเยาวชน งานสนับสนุนกิจกรรมของเด็กและสตรี งานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย รวมทั้งกำกับและเร่งรัดการปฏิบัติราชการของ ส่วนราชการในองค์การบริหารส่วนตำบลให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทางและแผนการราชการ ของ องค์การบริหารส่วนตำบล แบ่งส่วนราชการภายในออกเป็น 6 งาน คือ
งานบริหารทั่วไป
มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ งานธุรการ สารบรรณ การจัดทำทะเบียนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล คณะกรรมการบริหารฯ งานทะเบียนยานพาหนะ งานพิมพ์ดีด งานการ เจ้าหน้าที่ งานการประชุม งานรัฐพิธี งานกิจการสภา อบต. งานเลือกตั้ง งานตรวจสอบภายใน งานควบคุมและ ส่งเสริมการท่องเที่ยว งานรักษาความปลอดภัยและความสะอาดสำนักงาน และงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย
งานนโยบายและแผน
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานวิชาการ งานนโยบายของ องค์การบริหารส่วนตำบล งานจัดทำแผนพัฒนา
ตำบล 3 ปี และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล 5 ปี งานการข้อบังคับตำบลด้านงบประมาณ งานสารสนเทศระบบ คอมพิวเตอร์ และ งานอินเตอร์เน็ตตำบล งานรวบรวมข้อมูลและสถิติทางเทคนิคและวิชาการทุกประเภท งานประชาสัมพันธ์
งานกฎหมายและคดี
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานกฎหมายและนิติกรรม งานการดำเนินการทางคดีขององค์การบริหารส่วนตำบล งานศาลปกครอง งานร้องเรียน ร้องทุกข์และอุทธรณ์ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานช่วยเหลือฟื้นฟู งานกู้ภัย
งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานอำนวยการ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานช่วยเหลือฟื้นฟู งานกู้ภัย
งานส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
มีหน้าที่รับผิดชอบ งานบริหารวิชาการศึกษา งานเทคโนโลยีทางการศึกษา งานจัดการศึกษา งานทดสอบและ ประเมินตรวจวัดผล งานบริการและบำรุงสถานศึกษา งานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ส่งเสริมกิจการศาสนา
งานส่งเสริมประเพณี ศิลปวัฒนธรรม งาน กิจการเด็กและเยาวชน งานกีฬาและสันทนาการ
งานสวัสดิการและพัฒนาชุมชน
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานสวัสดิการสังคม งานพัฒนาชุมชน งานจัดระเบียบชุมชน งานสังคมสงเคราะห์ งานพิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี งานส่งเสริมอาชีพและข้อมูลแรงงาน งานพัฒนาสตรีและเยาวชน งานสนับสนุนกิจกรรมของเด็กและสตรี
งานธุรการและการเจ้าหน้าที่
มีหน้าที่รับผิดชอบกับงานสารบรรณของเทศบาลการประชุมพนักงาน ลูกจ้างและพนักงานจ้างเทศบาล การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหรียญจักรพรรดิมาลา การเตรียมการเลือกตั้ง การจัดทำคำสั่งและประกาศต่าง ๆ การแจ้งมติและคำสั่งต่าง ๆ การบริหารงานบุคคล การบรรจุแต่งตั้ง โอนย้าย และการเลื่อนระดับ การสอบแข่งขันสอบคัดเลือกและการคัดเลือกการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประวัติของบุคลากร การพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพของบุคลากร การประเมินผลการปฏิบัติงาน การขออนุมัติปรับปรุงตำแหน่งและอัตรากำลัง การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน การให้บำเหน็จความชอบ งานสวัสดิการพนักงาน/ลูกจ้าง การลาทุกประเภท และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
งานทะเบียนราษฎรและบัตร
มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการด้านการขอเลขหมายประจำบ้าน การแจ้งรื้อ-ถอนบ้าน การรับแจ้งย้ายเข้า ย้ายออก และแจ้งย้ายปลายทาง รับแจ้งเกิด-การตาย การเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน การแก้ไขรายการทะเบียนราษฎร งานการเลือกตั้งการลงประชามติ และงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
งานแผนและงบประมาณ
มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการวิเคราะห์นโยบายและแผน ซึ่งมีลักษณะเพื่อประกอบการกำหนดนโยบายจัดทำแผนหรือโครงการ ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตามแผนและโครงการต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นนโยบายแผนงานของเทศบาลและโครงการระดับชาติ ระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด แล้วแต่กรณี งานการจัดทำงบประมาณงานประชาสัมพันธ์ งานเลขานุการ การประชุมสภาเทศบาล งานิติการ และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง../add_file/สำนักปลัด
มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับราชการทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลและราชการที่มิได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการใดในองค์การบริหารส่วนตำบล โดยเฉพาะ งานธุรการ งานสารบรรณการจัดทำทะเบียนสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลคณะกรรมการบริหารฯ งานพิมพ์ดีด งานอินเตอร์เน็ตตำบล งานการเจ้าหน้าที่ งานการประชุมงานการข้อบังคับตำบล งานนิติการ งานรัฐพิธี งานประชาสัมพันธ์ งานจัดทำแผนพัฒนาตำบลงานการจัดทำข้อบังคับงบประมาณประจำปีงานขออนุมัติ ดำเนินการตามข้อบังคับงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานส่งเสริมการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม งานนิเทศการศึกษา งานจัดการศึกษา งานทดสอบและประเมินตรวจวัดผล งานบริการและบำรุงสถานศึกษา งานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ส่งเสริมกิจการศาสนาประเพณี ศิลปวัฒนธรรม งานกิจการเด็กและเยาวชน งานกีฬาและสันทนาการ งานสวัสดิการสังคม งานพัฒนาชุมชน งานจัดระเบียบ ชุมชน งานสังคมสงเคราะห์ งานส่งเสริมอาชีพและข้อมูลแรงงาน งานพัฒนาสตรีและเยาวชน งานสนับสนุนกิจกรรมของเด็กและสตรี งานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย รวมทั้งกำกับและเร่งรัดการปฏิบัติราชการของ ส่วนราชการในองค์การบริหารส่วนตำบลให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทางและแผนการราชการ ของ องค์การบริหารส่วนตำบล แบ่งส่วนราชการภายในออกเป็น 6 งาน คือ
งานบริหารทั่วไป
มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ งานธุรการ สารบรรณ การจัดทำทะเบียนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล คณะกรรมการบริหารฯ งานทะเบียนยานพาหนะ งานพิมพ์ดีด งานการ เจ้าหน้าที่ งานการประชุม งานรัฐพิธี งานกิจการสภา อบต. งานเลือกตั้ง งานตรวจสอบภายใน งานควบคุมและ ส่งเสริมการท่องเที่ยว งานรักษาความปลอดภัยและความสะอาดสำนักงาน และงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย
งานนโยบายและแผน
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานวิชาการ งานนโยบายของ องค์การบริหารส่วนตำบล งานจัดทำแผนพัฒนา
ตำบล 3 ปี และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล 5 ปี งานการข้อบังคับตำบลด้านงบประมาณ งานสารสนเทศระบบ คอมพิวเตอร์ และ งานอินเตอร์เน็ตตำบล งานรวบรวมข้อมูลและสถิติทางเทคนิคและวิชาการทุกประเภท งานประชาสัมพันธ์
งานกฎหมายและคดี
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานกฎหมายและนิติกรรม งานการดำเนินการทางคดีขององค์การบริหารส่วนตำบล งานศาลปกครอง งานร้องเรียน ร้องทุกข์และอุทธรณ์ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานช่วยเหลือฟื้นฟู งานกู้ภัย
งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานอำนวยการ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานช่วยเหลือฟื้นฟู งานกู้ภัย
งานส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
มีหน้าที่รับผิดชอบ งานบริหารวิชาการศึกษา งานเทคโนโลยีทางการศึกษา งานจัดการศึกษา งานทดสอบและ ประเมินตรวจวัดผล งานบริการและบำรุงสถานศึกษา งานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ส่งเสริมกิจการศาสนา
งานส่งเสริมประเพณี ศิลปวัฒนธรรม งาน กิจการเด็กและเยาวชน งานกีฬาและสันทนาการ
งานสวัสดิการและพัฒนาชุมชน
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานสวัสดิการสังคม งานพัฒนาชุมชน งานจัดระเบียบชุมชน งานสังคมสงเคราะห์ งานพิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี งานส่งเสริมอาชีพและข้อมูลแรงงาน งานพัฒนาสตรีและเยาวชน งานสนับสนุนกิจกรรมของเด็กและสตรี
งานธุรการและการเจ้าหน้าที่
มีหน้าที่รับผิดชอบกับงานสารบรรณของเทศบาลการประชุมพนักงาน ลูกจ้างและพนักงานจ้างเทศบาล การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหรียญจักรพรรดิมาลา การเตรียมการเลือกตั้ง การจัดทำคำสั่งและประกาศต่าง ๆ การแจ้งมติและคำสั่งต่าง ๆ การบริหารงานบุคคล การบรรจุแต่งตั้ง โอนย้าย และการเลื่อนระดับ การสอบแข่งขันสอบคัดเลือกและการคัดเลือกการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประวัติของบุคลากร การพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพของบุคลากร การประเมินผลการปฏิบัติงาน การขออนุมัติปรับปรุงตำแหน่งและอัตรากำลัง การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน การให้บำเหน็จความชอบ งานสวัสดิการพนักงาน/ลูกจ้าง การลาทุกประเภท และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
งานทะเบียนราษฎรและบัตร
มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการด้านการขอเลขหมายประจำบ้าน การแจ้งรื้อ-ถอนบ้าน การรับแจ้งย้ายเข้า ย้ายออก และแจ้งย้ายปลายทาง รับแจ้งเกิด-การตาย การเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน การแก้ไขรายการทะเบียนราษฎร งานการเลือกตั้งการลงประชามติ และงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
งานแผนและงบประมาณ
มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการวิเคราะห์นโยบายและแผน ซึ่งมีลักษณะเพื่อประกอบการกำหนดนโยบายจัดทำแผนหรือโครงการ ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตามแผนและโครงการต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นนโยบายแผนงานของเทศบาลและโครงการระดับชาติ ระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด แล้วแต่กรณี งานการจัดทำงบประมาณงานประชาสัมพันธ์ งานเลขานุการ การประชุมสภาเทศบาล งานิติการ และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ :
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
|
แนวทางการพัฒนา
|
หน่วยงานที่รับผิดชอบ
|
1. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
|
1.1 ก่อสร้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษาถนน สะพาน ทางเท้า ท่อระบายน้ำ รางระบายน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
1.2 ก่อสร้าง ซ่อมแซมปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคอย่างทั่วถึง
1.3 จัดให้มีไฟฟ้าและไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะอย่างทั่วถึง
|
ส่วนโยธา
|
2. ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
|
2.1 การส่งเสริมการประกอบอาชีพของประชาชนภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 การบริหารจัดการการศึกษาท้องถิ่น
2.3 การจัดสวัสดิการและส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
2.4 การส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
2.5 การบริหารงานสาธารณสุข
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการศึกษาฯ
|
3. ยุทธศาสตร์ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคมและ การรักษาความสงบเรียบร้อย
|
3.1การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.2 การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.3 การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
|
|
|
4. ยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรแบบยั่งยืน
|
4.1 เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
4.2 การบริหารจัดการแหล่งน้ำ
4.3 ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนโยธา
|
5. ยุทธศาสตร์ด้านศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
5.1 การส่งเสริมวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
5.2 การส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
ส่วนการศึกษาฯ
|
6. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
6.1 การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
6.2 ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
7. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการภาครัฐและเพิ่มศักยภาพองค์กร
|
7.1 การดำเนินงานตามนโยบายแห่งรัฐและงานรัฐพิธี
7.2 การพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร
7.3 การพัฒนาประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการคลัง
|
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
|
แนวทางการพัฒนา
|
หน่วยงานที่รับผิดชอบ
|
1. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
|
1.1 ก่อสร้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษาถนน สะพาน ทางเท้า ท่อระบายน้ำ รางระบายน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
1.2 ก่อสร้าง ซ่อมแซมปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคอย่างทั่วถึง
1.3 จัดให้มีไฟฟ้าและไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะอย่างทั่วถึง
|
ส่วนโยธา
|
2. ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
|
2.1 การส่งเสริมการประกอบอาชีพของประชาชนภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 การบริหารจัดการการศึกษาท้องถิ่น
2.3 การจัดสวัสดิการและส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
2.4 การส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
2.5 การบริหารงานสาธารณสุข
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการศึกษาฯ
|
3. ยุทธศาสตร์ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคมและ การรักษาความสงบเรียบร้อย
|
3.1การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.2 การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.3 การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
|
|
|
4. ยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรแบบยั่งยืน
|
4.1 เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
4.2 การบริหารจัดการแหล่งน้ำ
4.3 ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนโยธา
|
5. ยุทธศาสตร์ด้านศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
5.1 การส่งเสริมวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
5.2 การส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
ส่วนการศึกษาฯ
|
6. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
6.1 การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
6.2 ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
7. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการภาครัฐและเพิ่มศักยภาพองค์กร
|
7.1 การดำเนินงานตามนโยบายแห่งรัฐและงานรัฐพิธี
7.2 การพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร
7.3 การพัฒนาประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการคลัง
|
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
|
แนวทางการพัฒนา
|
หน่วยงานที่รับผิดชอบ
|
1. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
|
1.1 ก่อสร้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษาถนน สะพาน ทางเท้า ท่อระบายน้ำ รางระบายน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
1.2 ก่อสร้าง ซ่อมแซมปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคอย่างทั่วถึง
1.3 จัดให้มีไฟฟ้าและไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะอย่างทั่วถึง
|
ส่วนโยธา
|
2. ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
|
2.1 การส่งเสริมการประกอบอาชีพของประชาชนภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 การบริหารจัดการการศึกษาท้องถิ่น
2.3 การจัดสวัสดิการและส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
2.4 การส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
2.5 การบริหารงานสาธารณสุข
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการศึกษาฯ
|
3. ยุทธศาสตร์ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคมและ การรักษาความสงบเรียบร้อย
|
3.1การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.2 การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.3 การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
|
|
|
4. ยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรแบบยั่งยืน
|
4.1 เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
4.2 การบริหารจัดการแหล่งน้ำ
4.3 ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนโยธา
|
5. ยุทธศาสตร์ด้านศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
5.1 การส่งเสริมวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
5.2 การส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
ส่วนการศึกษาฯ
|
6. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
6.1 การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
6.2 ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
7. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการภาครัฐและเพิ่มศักยภาพองค์กร
|
7.1 การดำเนินงานตามนโยบายแห่งรัฐและงานรัฐพิธี
7.2 การพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร
7.3 การพัฒนาประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการคลัง
|
../add_file/
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
|
แนวทางการพัฒนา
|
หน่วยงานที่รับผิดชอบ
|
1. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
|
1.1 ก่อสร้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษาถนน สะพาน ทางเท้า ท่อระบายน้ำ รางระบายน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
1.2 ก่อสร้าง ซ่อมแซมปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคอย่างทั่วถึง
1.3 จัดให้มีไฟฟ้าและไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะอย่างทั่วถึง
|
ส่วนโยธา
|
2. ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
|
2.1 การส่งเสริมการประกอบอาชีพของประชาชนภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 การบริหารจัดการการศึกษาท้องถิ่น
2.3 การจัดสวัสดิการและส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
2.4 การส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
2.5 การบริหารงานสาธารณสุข
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการศึกษาฯ
|
3. ยุทธศาสตร์ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคมและ การรักษาความสงบเรียบร้อย
|
3.1การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.2 การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.3 การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
|
|
|
4. ยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรแบบยั่งยืน
|
4.1 เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
4.2 การบริหารจัดการแหล่งน้ำ
4.3 ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนโยธา
|
5. ยุทธศาสตร์ด้านศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
5.1 การส่งเสริมวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
5.2 การส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
ส่วนการศึกษาฯ
|
6. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
6.1 การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
6.2 ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
7. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการภาครัฐและเพิ่มศักยภาพองค์กร
|
7.1 การดำเนินงานตามนโยบายแห่งรัฐและงานรัฐพิธี
7.2 การพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร
7.3 การพัฒนาประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการคลัง
|
ชื่อไฟล์ :
แผนยุทธศาสตร์การพัฒนา
บทที่ 5
ยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2554-2558)
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
|
แนวทางการพัฒนา
|
หน่วยงานที่รับผิดชอบ
|
1.ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
|
1.1 ก่อสร้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษาถนน สะพาน ทางเท้า ท่อระบายน้ำรางระบายน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
1.2 ก่อสร้าง ซ่อมแซมปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคอย่างทั่วถึง
1.3 จัดให้มีไฟฟ้าและไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะอย่างทั่วถึง
|
ส่วนโยธา
|
2.ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
|
2.1 การส่งเสริมการประกอบอาชีพของประชาชนภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 การบริหารจัดการการศึกษาท้องถิ่น
2.3การจัดสวัสดิการและส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
2.4 การส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
2.5 การบริหารงานสาธารณสุข
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการศึกษา ฯ
|
3. ยุทธศาสตร์ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อย
|
3.1 การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.2การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.3 การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
4.ยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรแบบยั่งยืน
|
4.1 เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
4.2 การบริหารจัดการแหล่งน้ำ
4.3 ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนโยธา
|
5.ยุทธศาสตร์ด้านศิลปะ วัฒนธรรมจารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
5.1การส่งเสริมวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
5.2 การส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
ส่วนการศึกษาฯ
|
6. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
6.1 การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
6.2 ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
7. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการภาครัฐและเพิ่มศักยภาพองค์กร
|
7.1 การดำเนินงานตามนโยบายแห่งรัฐและงานรัฐพิธี
7.2 การพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร
7.3การพัฒนาประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการคลัง
|
แผนยุทธศาสตร์การพัฒนา
บทที่ 5
ยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2554-2558)
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
|
แนวทางการพัฒนา
|
หน่วยงานที่รับผิดชอบ
|
1.ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
|
1.1 ก่อสร้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษาถนน สะพาน ทางเท้า ท่อระบายน้ำรางระบายน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
1.2 ก่อสร้าง ซ่อมแซมปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคอย่างทั่วถึง
1.3 จัดให้มีไฟฟ้าและไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะอย่างทั่วถึง
|
ส่วนโยธา
|
2.ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
|
2.1 การส่งเสริมการประกอบอาชีพของประชาชนภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 การบริหารจัดการการศึกษาท้องถิ่น
2.3การจัดสวัสดิการและส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
2.4 การส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
2.5 การบริหารงานสาธารณสุข
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการศึกษา ฯ
|
3. ยุทธศาสตร์ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อย
|
3.1 การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.2การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.3 การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
4.ยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรแบบยั่งยืน
|
4.1 เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
4.2 การบริหารจัดการแหล่งน้ำ
4.3 ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนโยธา
|
5.ยุทธศาสตร์ด้านศิลปะ วัฒนธรรมจารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
5.1การส่งเสริมวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
5.2 การส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
ส่วนการศึกษาฯ
|
6. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
6.1 การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
6.2 ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
7. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการภาครัฐและเพิ่มศักยภาพองค์กร
|
7.1 การดำเนินงานตามนโยบายแห่งรัฐและงานรัฐพิธี
7.2 การพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร
7.3การพัฒนาประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการคลัง
|
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
แผนยุทธศาสตร์การพัฒนา
บทที่ 5
ยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2554-2558)
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
|
แนวทางการพัฒนา
|
หน่วยงานที่รับผิดชอบ
|
1.ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
|
1.1 ก่อสร้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษาถนน สะพาน ทางเท้า ท่อระบายน้ำรางระบายน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
1.2 ก่อสร้าง ซ่อมแซมปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคอย่างทั่วถึง
1.3 จัดให้มีไฟฟ้าและไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะอย่างทั่วถึง
|
ส่วนโยธา
|
2.ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
|
2.1 การส่งเสริมการประกอบอาชีพของประชาชนภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 การบริหารจัดการการศึกษาท้องถิ่น
2.3การจัดสวัสดิการและส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
2.4 การส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
2.5 การบริหารงานสาธารณสุข
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการศึกษา ฯ
|
3. ยุทธศาสตร์ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อย
|
3.1 การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.2การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.3 การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
4.ยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรแบบยั่งยืน
|
4.1 เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
4.2 การบริหารจัดการแหล่งน้ำ
4.3 ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนโยธา
|
5.ยุทธศาสตร์ด้านศิลปะ วัฒนธรรมจารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
5.1การส่งเสริมวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
5.2 การส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
ส่วนการศึกษาฯ
|
6. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
6.1 การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
6.2 ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
7. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการภาครัฐและเพิ่มศักยภาพองค์กร
|
7.1 การดำเนินงานตามนโยบายแห่งรัฐและงานรัฐพิธี
7.2 การพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร
7.3การพัฒนาประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการคลัง
|
../add_file/
แผนยุทธศาสตร์การพัฒนา
บทที่ 5
ยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2554-2558)
ยุทธศาสตร์การพัฒนา
|
แนวทางการพัฒนา
|
หน่วยงานที่รับผิดชอบ
|
1.ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
|
1.1 ก่อสร้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษาถนน สะพาน ทางเท้า ท่อระบายน้ำรางระบายน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
1.2 ก่อสร้าง ซ่อมแซมปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคอย่างทั่วถึง
1.3 จัดให้มีไฟฟ้าและไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะอย่างทั่วถึง
|
ส่วนโยธา
|
2.ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
|
2.1 การส่งเสริมการประกอบอาชีพของประชาชนภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 การบริหารจัดการการศึกษาท้องถิ่น
2.3การจัดสวัสดิการและส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
2.4 การส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
2.5 การบริหารงานสาธารณสุข
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการศึกษา ฯ
|
3. ยุทธศาสตร์ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อย
|
3.1 การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.2การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.3 การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
4.ยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรแบบยั่งยืน
|
4.1 เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
4.2 การบริหารจัดการแหล่งน้ำ
4.3 ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนโยธา
|
5.ยุทธศาสตร์ด้านศิลปะ วัฒนธรรมจารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
5.1การส่งเสริมวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
5.2 การส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
ส่วนการศึกษาฯ
|
6. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
6.1 การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
6.2 ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน
|
สำนักงานปลัด อบต.
|
7. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการภาครัฐและเพิ่มศักยภาพองค์กร
|
7.1 การดำเนินงานตามนโยบายแห่งรัฐและงานรัฐพิธี
7.2 การพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร
7.3การพัฒนาประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
|
สำนักงานปลัด อบต.
ส่วนการคลัง
|
ชื่อไฟล์ :
แผนพัฒนาสามปี
ส่วนที่ 5 บัญชีโครงการพัฒนา
บัญชีสรุปโครงการพัฒนา
แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. 2554 ถึง 2556)
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ประเภทโครงการ/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเองและอุดหนุนให้หน่วยงานอื่นดำเนินการ
แผนพัฒนาสามปี
ส่วนที่ 5 บัญชีโครงการพัฒนา
บัญชีสรุปโครงการพัฒนา
แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. 2554 ถึง 2556)
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ประเภทโครงการ/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเองและอุดหนุนให้หน่วยงานอื่นดำเนินการ
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์:
แผนพัฒนาสามปี
ส่วนที่ 5 บัญชีโครงการพัฒนา
บัญชีสรุปโครงการพัฒนา
แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. 2554 ถึง 2556)
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ประเภทโครงการ/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเองและอุดหนุนให้หน่วยงานอื่นดำเนินการ
../add_file/
แผนพัฒนาสามปี
ส่วนที่ 5 บัญชีโครงการพัฒนา
บัญชีสรุปโครงการพัฒนา
แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. 2554 ถึง 2556)
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ประเภทโครงการ/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเองและอุดหนุนให้หน่วยงานอื่นดำเนินการ
ชื่อไฟล์ : กองคลัง
มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับ การเงิน การเบิกจ่ายการฝากเงินการเก็บรักษาเงินการตรวจเงินการหักภาษี เงินได้และนำส่งภาษี การตัดโอนเงินเดือนรวบรวมสถิติเงิน ได้ประเภทต่าง ๆ การรายงานเงินคงเหลือประจำวัน งานขอ อนุมัติเบิกเงินตัดปีและขอขยายเวลาเบิกจ่าย งาน จัดทำงบและแสดงฐานะทางการเงิน งบทรัพย์สิน หนี้สิน งบโครงการเงิน สะสมงานจัดทำบัญชีทุกประเภทงานทะเบียนคุมเงินรายได้-รายจ่าย งานจัดเก็บรายได้และพัฒนารายได้ การจัดหาผล ประโยชน์ จากสิ่งก่อสร้างและทรัพย์สิน งานจัดทำ/ตรวจสอบบัญชีและการรับเงินในกิจการประปา งานจัดเก็บขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล รวมถึงงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายโดยแบ่งส่วนราชการภายใน ออกเป็น 4 งาน คือ
งานการเงิน
มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับ การเงิน การเบิกจ่าย การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน การตรวจเงิน งานจัดทำฎีกาเบิกจ่ายเงิน การหักภาษีเงินได้และนำส่งภาษี การตัดโอนเงินเดือน งานเก็บรักษาเงิน งานขออนุมัติเบิกเงินตัดปี และขอขยายเวลาเบิกจ่าย รายงานเงิน คงเหลือประจำวัน
งานบัญชี
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานจัดทำบัญชีทุกประเภท งานทะเบียนคุมเงินรายได้-รายจ่าย รวบรวมสถิติเงินได้ ประเภทต่าง ๆ งานจัดทำงบและแสดงฐานะการเงิน งบทรัพย์สิน หนี้สิน งบโครงการเงินสะสม
งานพัฒนาและจัดเก็บรายได้
มีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับ งานจัดเก็บรายได้และพัฒนารายได้ งานภาษีอากร ค่าธรรมเนียมการจัดหา ผลประโยชน์จากสิ่งก่อสร้างและทรัพย์สิน งานจัดทำ/ตรวจสอบบัญชี และการรับเงินในกิจการประปา และงานจัดเก็บขยะมูล ฝอยและสิ่งปฏิกูล งานควบคุม กิจการค้าและค่าปรับ งานทะเบียนควบคุมและเร่งรัดรายได้
งานทะเบียนทรัพย์สินและพัสดุ
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานทะเบียนทรัพย์สินและแผนที่ภาษี งานพัสดุ งานขออนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง งานทะเบียนเบิกจ่าย วัสดุครุภัณฑ์และยานพาหนะ
กระบวนการ ขั้นตอน และวิธีปฏิบัติในการให้บริการประชาชนของส่วนการคลัง
กำหนดการยื่นแบบชำระภาษี
1. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ยื่นแบบระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558
(ยกเลิกการเก็บภาษีตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
2. ภาษีป้าย ยื่นแบบระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563
3. ภาษีบำรุงท้องที่ (ภาษีที่ดิน) ระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2558
(ยกเลิกการเก็บภาษีตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
4. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 (ชำระภาษีตามแบบเเจ้งการประเมินภาษี ภายในเดือนเมษายน 2563)
การจัดเก็บภาษีป้าย
ขั้นตอนการให้บริการ
1. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) พร้อมเอกสารประกอบ
2. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร
3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายชำระเงินและรับใบเสร็จรับเงิน (ภ.ป.7)
เอกสารประกอบการพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีป้ายปีที่ผ่านมา (ภ.ป.7)
3. เอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับป้าย
4. ขนาดของป้าย
5. สำเนาทะเบียนบ้าน
6. สำเนาโฉนดที่ดิน
การจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ (ยกเลิกการเก็บภาษี ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. ผู้เป็นเจ้าของที่ดินยื่นแบบ แสดงรายการที่ดิน (ภ.บ.ท.5)
2. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร
3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่ชำระเงินและรับใบเสร็จรับเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.11)
เอกสารประกอบการพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีบำรุงที่ดินที่ผ่านมา (ภ.บ.ท.11)
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาโฉนดที่ดิน
การจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ยกเลิการเก็บภาษี ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ร.ด.12)
2. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร
3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือน และที่ดินชำระเงิน และรับใบเสร็จรับเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน
(ภ.ร.ด.12)
เอกสารประกอบการพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินปีที่ผ่านมา (ภ.ร.ด.12)
3. สำเนาสัญญาเช่าต่างๆ (ในกรณีการเช่า , ให้เช่าบ้าน , เช่าที่ดิน)
4. สำเนาทะเบียนพาณิชย์ (กรณีประกอบการค้า) สำเนาการจดทะเบียนนิติบุคคล
5. สำเนาทะเบียนบ้าน
6. สำเนาโฉนดที่ดิน
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน
การปฏิบัติงานของงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
1. การขออนุญาตต่าง ๆ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535
1.1 การขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 125 ประเภท
(1) กรณีขออนุญาต (รายใหม่)
หลักฐานที่ต้องใช้
1. บัตรประจำตัว และสำเนาทะเบียนบ้านผู้ขอใบอนุญาต (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย)
2. บัตรประจำตัวและสำเนาทะเบียนบ้านผู้จัดการ หากไม่ใช่บุคคลเดียวกับผู้ถือใบอนุญาต (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนาแนบมาด้วย)
3. สำเนาทะเบียนบ้านของบ้านที่ใช้เป็นที่ตั้งสถานประกอบการ (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย)
4. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมแสดงบัตรประจำตัวของผู้แทนนิติบุคคล (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย) หากผู้ขอเป็นนิติบุคคล
5. หลักฐานที่ใช้แสดงว่าอาคารที่ใช้เป็นสถานประกอบการสามารถใช้ประกอบการนั้นได้โดยถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย)
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
1. ต้องจัดสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องจักร วัตถุดิบให้ได้สุขลักษณะมีความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและเหตุเดือดร้อนรำคาญตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ร.บ. 2535
2. ปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำสั่งของเจ้าหน้าที่พนักงานสาธารณะสุขหรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นแล้วแต่กรณี
กำหนดโทษ
1. ประเภทกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูก จำคุก ไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
2. ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่กำหนดในใบอนุญาตต้องถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท
3. ไม่แสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยต้องถูกปรับไม่เกิน 500 บาท
(2) กรณีขอต่ออายุใบอนุญาต
หลักฐานที่ต้องใช้
1. เหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1) ยกเว้นหลักฐานการใช้อาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
2. ใบอนุญาตหรือใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
1. ปฏิบัติเหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1)
2. ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่กำหนดเพิ่มเติม (ถ้ามี)
3. ยื่นคำขอพร้อมเสียค่าธรรมเนียมก่อนใบอนุญาตจะสิ้นอายุและสามารถประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต
บทกำหนดโทษ
1. ขอต่ออายุใบอนุญาตเมื่อใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว เสียค่าปรับเพิ่มร้อยละ 20 ของค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระ
2. ไม่ต่ออายุใบอนุญาตติดต่อกันเกิน 2 ครั้ง จะถูกสั่งให้หยุดการประกอบกิจการจนกว่าจะชำระค่าธรรมเนียมที่ค้าง
(3) กรณีขออนุญาตเปลี่ยนแปลงขยายหรือลดการประกอบกิจการสถานที่ หรือเครื่องจักร
หลักฐานที่ต้องใช้
1. เหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1)
2. ใบอนุญาตเดิม
ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต เสียค่าธรรมเนียมในส่วนที่เพิ่มขึ้นตามขนาด หรือประเภทของกิจการ
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
1. ปฏิบัติเหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1)
2. ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่กำหนดเพิ่มเติม (ถ้ามี)
3. ต้องได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อน จึงจะดำเนินงานเปลี่ยนแปลงได้
บทกำหนดโทษ
ดำเนินการเปลี่ยนแปลงฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูก จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หริอปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(4) กรณีขอรับใบแทนใบอนุญาต
หลักฐานที่ต้องใช้
1. เหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ (1)
** ยกเว้นหลักฐานการใช้อาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร***
2. ใบอนุญาตและใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลง
3. หลักฐานการแจ้งความ กรณีใบอนุญาตสูญหาย
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
ดำเนินการขอใบแทนใบอนุญาตภาย 15 วัน นับจากวันที่สูญหาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ
บทกำหนดโทษ
ไม่ขอรับใบแทนใบอนุญาตภายใน 15 วันต้องถูกปรับไม่เกิน 500 บาท
(5) กรณีแจ้งเลิกกิจการ
หลักฐานที่ต้องใช้
1. ใบอนุญาต
2. ใบแทนใบอนุญาตและใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลง(ถ้ามี)
3. บัตรประจำตัวและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับใบอนุญาต (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนาด้วย)
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
ต้องแจ้งเลิกกิจการก่อนถึงกำหนดเสียค่าธรรมเนียมครั้งต่อไป
บทกำหนดโทษ
หากแจ้งเลิกกิจการแล้วยังคงประกอบการต่อไปอีกต้องถูกจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การชำระค่าขยะมูลฝอย / ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
ขั้นตอนการให้บริการ
- ผู้มีหน้าที่ชำระค่าขยะมูลฝอย / ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ติดต่อเจ้าหน้าที่
เอกสารประกอบการพิจารณา
- แจ้งที่อยู่ / เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ติดต่อฝ่ายพัฒนาและจัดเก็บรายได้
ในเวลาราชการ 8.30 น.- 16.00 น.
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: กองคลัง
มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับ การเงิน การเบิกจ่ายการฝากเงินการเก็บรักษาเงินการตรวจเงินการหักภาษี เงินได้และนำส่งภาษี การตัดโอนเงินเดือนรวบรวมสถิติเงิน ได้ประเภทต่าง ๆ การรายงานเงินคงเหลือประจำวัน งานขอ อนุมัติเบิกเงินตัดปีและขอขยายเวลาเบิกจ่าย งาน จัดทำงบและแสดงฐานะทางการเงิน งบทรัพย์สิน หนี้สิน งบโครงการเงิน สะสมงานจัดทำบัญชีทุกประเภทงานทะเบียนคุมเงินรายได้-รายจ่าย งานจัดเก็บรายได้และพัฒนารายได้ การจัดหาผล ประโยชน์ จากสิ่งก่อสร้างและทรัพย์สิน งานจัดทำ/ตรวจสอบบัญชีและการรับเงินในกิจการประปา งานจัดเก็บขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล รวมถึงงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายโดยแบ่งส่วนราชการภายใน ออกเป็น 4 งาน คือ
งานการเงิน
มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับ การเงิน การเบิกจ่าย การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน การตรวจเงิน งานจัดทำฎีกาเบิกจ่ายเงิน การหักภาษีเงินได้และนำส่งภาษี การตัดโอนเงินเดือน งานเก็บรักษาเงิน งานขออนุมัติเบิกเงินตัดปี และขอขยายเวลาเบิกจ่าย รายงานเงิน คงเหลือประจำวัน
งานบัญชี
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานจัดทำบัญชีทุกประเภท งานทะเบียนคุมเงินรายได้-รายจ่าย รวบรวมสถิติเงินได้ ประเภทต่าง ๆ งานจัดทำงบและแสดงฐานะการเงิน งบทรัพย์สิน หนี้สิน งบโครงการเงินสะสม
งานพัฒนาและจัดเก็บรายได้
มีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับ งานจัดเก็บรายได้และพัฒนารายได้ งานภาษีอากร ค่าธรรมเนียมการจัดหา ผลประโยชน์จากสิ่งก่อสร้างและทรัพย์สิน งานจัดทำ/ตรวจสอบบัญชี และการรับเงินในกิจการประปา และงานจัดเก็บขยะมูล ฝอยและสิ่งปฏิกูล งานควบคุม กิจการค้าและค่าปรับ งานทะเบียนควบคุมและเร่งรัดรายได้
งานทะเบียนทรัพย์สินและพัสดุ
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานทะเบียนทรัพย์สินและแผนที่ภาษี งานพัสดุ งานขออนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง งานทะเบียนเบิกจ่าย วัสดุครุภัณฑ์และยานพาหนะ
กระบวนการ ขั้นตอน และวิธีปฏิบัติในการให้บริการประชาชนของส่วนการคลัง
กำหนดการยื่นแบบชำระภาษี
1. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ยื่นแบบระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558
(ยกเลิกการเก็บภาษีตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
2. ภาษีป้าย ยื่นแบบระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563
3. ภาษีบำรุงท้องที่ (ภาษีที่ดิน) ระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2558
(ยกเลิกการเก็บภาษีตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
4. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 (ชำระภาษีตามแบบเเจ้งการประเมินภาษี ภายในเดือนเมษายน 2563)
การจัดเก็บภาษีป้าย
ขั้นตอนการให้บริการ
1. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) พร้อมเอกสารประกอบ
2. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร
3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายชำระเงินและรับใบเสร็จรับเงิน (ภ.ป.7)
เอกสารประกอบการพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีป้ายปีที่ผ่านมา (ภ.ป.7)
3. เอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับป้าย
4. ขนาดของป้าย
5. สำเนาทะเบียนบ้าน
6. สำเนาโฉนดที่ดิน
การจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ (ยกเลิกการเก็บภาษี ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. ผู้เป็นเจ้าของที่ดินยื่นแบบ แสดงรายการที่ดิน (ภ.บ.ท.5)
2. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร
3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่ชำระเงินและรับใบเสร็จรับเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.11)
เอกสารประกอบการพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีบำรุงที่ดินที่ผ่านมา (ภ.บ.ท.11)
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาโฉนดที่ดิน
การจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ยกเลิการเก็บภาษี ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ร.ด.12)
2. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร
3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือน และที่ดินชำระเงิน และรับใบเสร็จรับเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน
(ภ.ร.ด.12)
เอกสารประกอบการพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินปีที่ผ่านมา (ภ.ร.ด.12)
3. สำเนาสัญญาเช่าต่างๆ (ในกรณีการเช่า , ให้เช่าบ้าน , เช่าที่ดิน)
4. สำเนาทะเบียนพาณิชย์ (กรณีประกอบการค้า) สำเนาการจดทะเบียนนิติบุคคล
5. สำเนาทะเบียนบ้าน
6. สำเนาโฉนดที่ดิน
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน
การปฏิบัติงานของงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
1. การขออนุญาตต่าง ๆ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535
1.1 การขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 125 ประเภท
(1) กรณีขออนุญาต (รายใหม่)
หลักฐานที่ต้องใช้
1. บัตรประจำตัว และสำเนาทะเบียนบ้านผู้ขอใบอนุญาต (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย)
2. บัตรประจำตัวและสำเนาทะเบียนบ้านผู้จัดการ หากไม่ใช่บุคคลเดียวกับผู้ถือใบอนุญาต (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนาแนบมาด้วย)
3. สำเนาทะเบียนบ้านของบ้านที่ใช้เป็นที่ตั้งสถานประกอบการ (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย)
4. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมแสดงบัตรประจำตัวของผู้แทนนิติบุคคล (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย) หากผู้ขอเป็นนิติบุคคล
5. หลักฐานที่ใช้แสดงว่าอาคารที่ใช้เป็นสถานประกอบการสามารถใช้ประกอบการนั้นได้โดยถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย)
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
1. ต้องจัดสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องจักร วัตถุดิบให้ได้สุขลักษณะมีความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและเหตุเดือดร้อนรำคาญตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ร.บ. 2535
2. ปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำสั่งของเจ้าหน้าที่พนักงานสาธารณะสุขหรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นแล้วแต่กรณี
กำหนดโทษ
1. ประเภทกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูก จำคุก ไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
2. ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่กำหนดในใบอนุญาตต้องถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท
3. ไม่แสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยต้องถูกปรับไม่เกิน 500 บาท
(2) กรณีขอต่ออายุใบอนุญาต
หลักฐานที่ต้องใช้
1. เหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1) ยกเว้นหลักฐานการใช้อาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
2. ใบอนุญาตหรือใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
1. ปฏิบัติเหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1)
2. ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่กำหนดเพิ่มเติม (ถ้ามี)
3. ยื่นคำขอพร้อมเสียค่าธรรมเนียมก่อนใบอนุญาตจะสิ้นอายุและสามารถประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต
บทกำหนดโทษ
1. ขอต่ออายุใบอนุญาตเมื่อใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว เสียค่าปรับเพิ่มร้อยละ 20 ของค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระ
2. ไม่ต่ออายุใบอนุญาตติดต่อกันเกิน 2 ครั้ง จะถูกสั่งให้หยุดการประกอบกิจการจนกว่าจะชำระค่าธรรมเนียมที่ค้าง
(3) กรณีขออนุญาตเปลี่ยนแปลงขยายหรือลดการประกอบกิจการสถานที่ หรือเครื่องจักร
หลักฐานที่ต้องใช้
1. เหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1)
2. ใบอนุญาตเดิม
ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต เสียค่าธรรมเนียมในส่วนที่เพิ่มขึ้นตามขนาด หรือประเภทของกิจการ
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
1. ปฏิบัติเหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1)
2. ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่กำหนดเพิ่มเติม (ถ้ามี)
3. ต้องได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อน จึงจะดำเนินงานเปลี่ยนแปลงได้
บทกำหนดโทษ
ดำเนินการเปลี่ยนแปลงฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูก จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หริอปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(4) กรณีขอรับใบแทนใบอนุญาต
หลักฐานที่ต้องใช้
1. เหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ (1)
** ยกเว้นหลักฐานการใช้อาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร***
2. ใบอนุญาตและใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลง
3. หลักฐานการแจ้งความ กรณีใบอนุญาตสูญหาย
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
ดำเนินการขอใบแทนใบอนุญาตภาย 15 วัน นับจากวันที่สูญหาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ
บทกำหนดโทษ
ไม่ขอรับใบแทนใบอนุญาตภายใน 15 วันต้องถูกปรับไม่เกิน 500 บาท
(5) กรณีแจ้งเลิกกิจการ
หลักฐานที่ต้องใช้
1. ใบอนุญาต
2. ใบแทนใบอนุญาตและใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลง(ถ้ามี)
3. บัตรประจำตัวและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับใบอนุญาต (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนาด้วย)
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
ต้องแจ้งเลิกกิจการก่อนถึงกำหนดเสียค่าธรรมเนียมครั้งต่อไป
บทกำหนดโทษ
หากแจ้งเลิกกิจการแล้วยังคงประกอบการต่อไปอีกต้องถูกจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การชำระค่าขยะมูลฝอย / ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
ขั้นตอนการให้บริการ
- ผู้มีหน้าที่ชำระค่าขยะมูลฝอย / ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ติดต่อเจ้าหน้าที่
เอกสารประกอบการพิจารณา
- แจ้งที่อยู่ / เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ติดต่อฝ่ายพัฒนาและจัดเก็บรายได้
ในเวลาราชการ 8.30 น.- 16.00 น.../add_file/กองคลัง
มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับ การเงิน การเบิกจ่ายการฝากเงินการเก็บรักษาเงินการตรวจเงินการหักภาษี เงินได้และนำส่งภาษี การตัดโอนเงินเดือนรวบรวมสถิติเงิน ได้ประเภทต่าง ๆ การรายงานเงินคงเหลือประจำวัน งานขอ อนุมัติเบิกเงินตัดปีและขอขยายเวลาเบิกจ่าย งาน จัดทำงบและแสดงฐานะทางการเงิน งบทรัพย์สิน หนี้สิน งบโครงการเงิน สะสมงานจัดทำบัญชีทุกประเภทงานทะเบียนคุมเงินรายได้-รายจ่าย งานจัดเก็บรายได้และพัฒนารายได้ การจัดหาผล ประโยชน์ จากสิ่งก่อสร้างและทรัพย์สิน งานจัดทำ/ตรวจสอบบัญชีและการรับเงินในกิจการประปา งานจัดเก็บขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล รวมถึงงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายโดยแบ่งส่วนราชการภายใน ออกเป็น 4 งาน คือ
งานการเงิน
มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับ การเงิน การเบิกจ่าย การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน การตรวจเงิน งานจัดทำฎีกาเบิกจ่ายเงิน การหักภาษีเงินได้และนำส่งภาษี การตัดโอนเงินเดือน งานเก็บรักษาเงิน งานขออนุมัติเบิกเงินตัดปี และขอขยายเวลาเบิกจ่าย รายงานเงิน คงเหลือประจำวัน
งานบัญชี
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานจัดทำบัญชีทุกประเภท งานทะเบียนคุมเงินรายได้-รายจ่าย รวบรวมสถิติเงินได้ ประเภทต่าง ๆ งานจัดทำงบและแสดงฐานะการเงิน งบทรัพย์สิน หนี้สิน งบโครงการเงินสะสม
งานพัฒนาและจัดเก็บรายได้
มีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับ งานจัดเก็บรายได้และพัฒนารายได้ งานภาษีอากร ค่าธรรมเนียมการจัดหา ผลประโยชน์จากสิ่งก่อสร้างและทรัพย์สิน งานจัดทำ/ตรวจสอบบัญชี และการรับเงินในกิจการประปา และงานจัดเก็บขยะมูล ฝอยและสิ่งปฏิกูล งานควบคุม กิจการค้าและค่าปรับ งานทะเบียนควบคุมและเร่งรัดรายได้
งานทะเบียนทรัพย์สินและพัสดุ
มีหน้าที่ความรับผิดชอบ งานทะเบียนทรัพย์สินและแผนที่ภาษี งานพัสดุ งานขออนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง งานทะเบียนเบิกจ่าย วัสดุครุภัณฑ์และยานพาหนะ
กระบวนการ ขั้นตอน และวิธีปฏิบัติในการให้บริการประชาชนของส่วนการคลัง
กำหนดการยื่นแบบชำระภาษี
1. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ยื่นแบบระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558
(ยกเลิกการเก็บภาษีตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
2. ภาษีป้าย ยื่นแบบระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563
3. ภาษีบำรุงท้องที่ (ภาษีที่ดิน) ระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2558
(ยกเลิกการเก็บภาษีตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
4. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 (ชำระภาษีตามแบบเเจ้งการประเมินภาษี ภายในเดือนเมษายน 2563)
การจัดเก็บภาษีป้าย
ขั้นตอนการให้บริการ
1. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) พร้อมเอกสารประกอบ
2. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร
3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายชำระเงินและรับใบเสร็จรับเงิน (ภ.ป.7)
เอกสารประกอบการพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีป้ายปีที่ผ่านมา (ภ.ป.7)
3. เอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับป้าย
4. ขนาดของป้าย
5. สำเนาทะเบียนบ้าน
6. สำเนาโฉนดที่ดิน
การจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ (ยกเลิกการเก็บภาษี ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. ผู้เป็นเจ้าของที่ดินยื่นแบบ แสดงรายการที่ดิน (ภ.บ.ท.5)
2. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร
3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่ชำระเงินและรับใบเสร็จรับเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.11)
เอกสารประกอบการพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีบำรุงที่ดินที่ผ่านมา (ภ.บ.ท.11)
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาโฉนดที่ดิน
การจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ยกเลิการเก็บภาษี ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ร.ด.12)
2. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร
3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือน และที่ดินชำระเงิน และรับใบเสร็จรับเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน
(ภ.ร.ด.12)
เอกสารประกอบการพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินปีที่ผ่านมา (ภ.ร.ด.12)
3. สำเนาสัญญาเช่าต่างๆ (ในกรณีการเช่า , ให้เช่าบ้าน , เช่าที่ดิน)
4. สำเนาทะเบียนพาณิชย์ (กรณีประกอบการค้า) สำเนาการจดทะเบียนนิติบุคคล
5. สำเนาทะเบียนบ้าน
6. สำเนาโฉนดที่ดิน
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน
การปฏิบัติงานของงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
1. การขออนุญาตต่าง ๆ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535
1.1 การขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 125 ประเภท
(1) กรณีขออนุญาต (รายใหม่)
หลักฐานที่ต้องใช้
1. บัตรประจำตัว และสำเนาทะเบียนบ้านผู้ขอใบอนุญาต (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย)
2. บัตรประจำตัวและสำเนาทะเบียนบ้านผู้จัดการ หากไม่ใช่บุคคลเดียวกับผู้ถือใบอนุญาต (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนาแนบมาด้วย)
3. สำเนาทะเบียนบ้านของบ้านที่ใช้เป็นที่ตั้งสถานประกอบการ (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย)
4. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมแสดงบัตรประจำตัวของผู้แทนนิติบุคคล (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย) หากผู้ขอเป็นนิติบุคคล
5. หลักฐานที่ใช้แสดงว่าอาคารที่ใช้เป็นสถานประกอบการสามารถใช้ประกอบการนั้นได้โดยถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนามาด้วย)
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
1. ต้องจัดสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องจักร วัตถุดิบให้ได้สุขลักษณะมีความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและเหตุเดือดร้อนรำคาญตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ร.บ. 2535
2. ปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำสั่งของเจ้าหน้าที่พนักงานสาธารณะสุขหรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นแล้วแต่กรณี
กำหนดโทษ
1. ประเภทกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูก จำคุก ไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
2. ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่กำหนดในใบอนุญาตต้องถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท
3. ไม่แสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยต้องถูกปรับไม่เกิน 500 บาท
(2) กรณีขอต่ออายุใบอนุญาต
หลักฐานที่ต้องใช้
1. เหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1) ยกเว้นหลักฐานการใช้อาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
2. ใบอนุญาตหรือใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
1. ปฏิบัติเหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1)
2. ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่กำหนดเพิ่มเติม (ถ้ามี)
3. ยื่นคำขอพร้อมเสียค่าธรรมเนียมก่อนใบอนุญาตจะสิ้นอายุและสามารถประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต
บทกำหนดโทษ
1. ขอต่ออายุใบอนุญาตเมื่อใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว เสียค่าปรับเพิ่มร้อยละ 20 ของค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระ
2. ไม่ต่ออายุใบอนุญาตติดต่อกันเกิน 2 ครั้ง จะถูกสั่งให้หยุดการประกอบกิจการจนกว่าจะชำระค่าธรรมเนียมที่ค้าง
(3) กรณีขออนุญาตเปลี่ยนแปลงขยายหรือลดการประกอบกิจการสถานที่ หรือเครื่องจักร
หลักฐานที่ต้องใช้
1. เหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1)
2. ใบอนุญาตเดิม
ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต เสียค่าธรรมเนียมในส่วนที่เพิ่มขึ้นตามขนาด หรือประเภทของกิจการ
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
1. ปฏิบัติเหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ในข้อ (1)
2. ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่กำหนดเพิ่มเติม (ถ้ามี)
3. ต้องได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อน จึงจะดำเนินงานเปลี่ยนแปลงได้
บทกำหนดโทษ
ดำเนินการเปลี่ยนแปลงฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูก จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หริอปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(4) กรณีขอรับใบแทนใบอนุญาต
หลักฐานที่ต้องใช้
1. เหมือนกับการขออนุญาตรายใหม่ (1)
** ยกเว้นหลักฐานการใช้อาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร***
2. ใบอนุญาตและใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลง
3. หลักฐานการแจ้งความ กรณีใบอนุญาตสูญหาย
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
ดำเนินการขอใบแทนใบอนุญาตภาย 15 วัน นับจากวันที่สูญหาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ
บทกำหนดโทษ
ไม่ขอรับใบแทนใบอนุญาตภายใน 15 วันต้องถูกปรับไม่เกิน 500 บาท
(5) กรณีแจ้งเลิกกิจการ
หลักฐานที่ต้องใช้
1. ใบอนุญาต
2. ใบแทนใบอนุญาตและใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลง(ถ้ามี)
3. บัตรประจำตัวและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับใบอนุญาต (ถ่ายเอกสารและรับรองสำเนาด้วย)
สิ่งที่ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติ
ต้องแจ้งเลิกกิจการก่อนถึงกำหนดเสียค่าธรรมเนียมครั้งต่อไป
บทกำหนดโทษ
หากแจ้งเลิกกิจการแล้วยังคงประกอบการต่อไปอีกต้องถูกจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การชำระค่าขยะมูลฝอย / ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
ขั้นตอนการให้บริการ
- ผู้มีหน้าที่ชำระค่าขยะมูลฝอย / ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ติดต่อเจ้าหน้าที่
เอกสารประกอบการพิจารณา
- แจ้งที่อยู่ / เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ติดต่อฝ่ายพัฒนาและจัดเก็บรายได้
ในเวลาราชการ 8.30 น.- 16.00 น.
ชื่อไฟล์ : 5bmWIVCWed35139.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : Y8tjmeNWed35146.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : LR1vrtUWed35912.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : PPIb7lwWed35945.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : B0kEChmWed35831.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : jogTgLPWed35846.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : jYU4jdNWed35859.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : TTiafxFWed32422.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : Hl2knh9Wed34111.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : VS4MpmCWed34148.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : YgoDHRcWed34200.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : yRXuDq3Wed34237.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : wBbtiyPWed35745.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : vghEUmTWed35814.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : 4eiVOK8Wed35014.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : PNyNyk7Wed35024.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : 29DOS3KWed35034.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : T2T9l1ZWed35045.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : 0WaQtFXWed40048.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : ABMCVCxWed40057.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : MWrqiGiWed40106.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : kvrWt2UWed40115.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : MQblXaAWed40302.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : sFmRXSrWed40314.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : mkN4WXqWed40326.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : 0QjRsQOWed40338.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : guqWaIPWed40346.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : Zyt5N8NThu110720.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : G0ac81BThu110734.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : cVPS10DThu110742.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : xapqkHKThu110933.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : gu9d4x4Thu110949.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : IZb6ki7Thu111013.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : q8dx1SBThu111032.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : MR69cIBThu111158.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : Qm3gHTvThu111208.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : Fj1zI4qThu111223.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : JFyCduXThu111336.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : 6BfpA7cThu111352.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : vIUOaoRThu111359.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : My2s9cIThu111455.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : YYt316sThu111505.jpg
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ : กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานทางการศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาหลักสูตร การแนะแนว การวัดผลประเมินผล การพัฒนาตำราเรียน การวางแผนการศึกษาของมาตรฐานสถานศึกษา การจัดบริการส่งเสริมการศึกษา การใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา การเสนอแนะเกี่ยวกับการศึกษา ส่งเสริมการวิจัย การวางโครงการ สำรวจ เก็บรวบรวมข้อมูลสถิติการศึกษา เพื่อนำไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายแผนงาน และแนวทางการปฏิบัติในการจัดการศึกษา การเผยแพร่การศึกษา ช่วยปฏิบัติงานบริหารทั่วไปการบริหารงานบุคคลของพนักงานจ้างในสังกัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก งานระบบข้อมูล และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา มีรายละเอียดของงานและหน้าที่ความรับผิดชอบดังนี้
งานการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย ปฏิบัติหน้าที่ งานสำรวจความต้องการและปัญหาทางการศึกษา งานจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลสถิติทางการศึกษา งานวิจัยการศึกษาและงานนิทรรศการทางวิชาการ งานสำรวจเด็กเร่ร่อน เด็กพิเศษ ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ งานจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
งานส่งเสริม ประเพณีศิลปวัฒนธรรม ปฏิบัติหน้าที่ งานส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม ได้แก่ งานเกี่ยวกับการส่งเสริมศิลปะ อนุรักษ์งานศิลป์ หอวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์สถาน การสืบทอดส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น การพัฒนาและเผยแพร่วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้าน เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาให้เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น งานจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศวัฒนธรรมท้องถิ่น วัฒนธรรมพื้นบ้านงานส่งเสริมสนับสนุนสภาวัฒนธรรมและงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ งานส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น งานส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น งานประเพณีที่สำคัญในรอบปี
งานกิจกรรมเด็กและเยาวชน ปฏิบัติหน้าที่ งานสำรวจรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน งานประเพณีต่าง ๆ ของท้องถิ่นและงานวันสำคัญของชาติงานโครงการประกวดกิจกรรมเด็กและเยาวชนในเขตเทศบาล งานโครงการกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ วันเยาวชนแห่งชาติ งานกีฬานักเรียนระดับตำบล อำเภอและจังหวัด งานกีฬาเยาวชนและประชาชนรวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพดำเนินงานการพัฒนาเยาวชนให้เป็นไปตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติการควบคุมตรวจสอบ การนิเทศ ติดตามผล วัดผลและประเมินผล งานจัดกิจกรรมภายในศูนย์เยาวชนและประชาชนไว้ตลอดปี งานประสานงานหน่วยงานอื่น ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมเยาวชน งานให้ความร่วมมือ จัดทำ ตรวจสอบงานขออนุมัติจัดซื้อ - จัดจ้าง และจัดทำทะเบียนควบคุมวัสดุครุภัณฑ์งานกิจกรรมเด็กเยาวชนฯ งานจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง แผน 5 ปี และแผนประจำปี
งานกีฬาและนันทนาการ ปฏิบัติหน้าที่ ส่งเสริมการกีฬาเพื่อสุขภาพของเด็กและเยาวชน งานส่งเสริมการกีฬาขั้นพื้นฐาน ทั้งในและนอกระบบการศึกษา งานพัฒนาเทคนิคการกีฬา งานส่งเสริมการกีฬาเพื่ออาชีพ งานการจัดการแข่งขันกีฬาเด็กและเยาวชน ประชาชน กีฬานักเรียน ศูนย์เยาวชน
งานกิจการ ปฏิบัติหน้าที่ งานส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนางานประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา งานส่งเสริมศาสนา ได้แก่ งานการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมนักเรียน จัดประชุมสัมมนาอบรมเกี่ยวกับศาสนา จัดทำแผนงานด้านการศาสนาและวัฒนธรรม งานอนุรักษ์ศาสนสถาน โบราณสถานและโบราณวัตถุ
งานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา โดยมี ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยเป็นผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงาน
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานทางการศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาหลักสูตร การแนะแนว การวัดผลประเมินผล การพัฒนาตำราเรียน การวางแผนการศึกษาของมาตรฐานสถานศึกษา การจัดบริการส่งเสริมการศึกษา การใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา การเสนอแนะเกี่ยวกับการศึกษา ส่งเสริมการวิจัย การวางโครงการ สำรวจ เก็บรวบรวมข้อมูลสถิติการศึกษา เพื่อนำไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายแผนงาน และแนวทางการปฏิบัติในการจัดการศึกษา การเผยแพร่การศึกษา ช่วยปฏิบัติงานบริหารทั่วไปการบริหารงานบุคคลของพนักงานจ้างในสังกัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก งานระบบข้อมูล และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา มีรายละเอียดของงานและหน้าที่ความรับผิดชอบดังนี้
งานการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย ปฏิบัติหน้าที่ งานสำรวจความต้องการและปัญหาทางการศึกษา งานจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลสถิติทางการศึกษา งานวิจัยการศึกษาและงานนิทรรศการทางวิชาการ งานสำรวจเด็กเร่ร่อน เด็กพิเศษ ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ งานจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
งานส่งเสริม ประเพณีศิลปวัฒนธรรม ปฏิบัติหน้าที่ งานส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม ได้แก่ งานเกี่ยวกับการส่งเสริมศิลปะ อนุรักษ์งานศิลป์ หอวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์สถาน การสืบทอดส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น การพัฒนาและเผยแพร่วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้าน เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาให้เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น งานจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศวัฒนธรรมท้องถิ่น วัฒนธรรมพื้นบ้านงานส่งเสริมสนับสนุนสภาวัฒนธรรมและงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ งานส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น งานส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น งานประเพณีที่สำคัญในรอบปี
งานกิจกรรมเด็กและเยาวชน ปฏิบัติหน้าที่ งานสำรวจรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน งานประเพณีต่าง ๆ ของท้องถิ่นและงานวันสำคัญของชาติงานโครงการประกวดกิจกรรมเด็กและเยาวชนในเขตเทศบาล งานโครงการกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ วันเยาวชนแห่งชาติ งานกีฬานักเรียนระดับตำบล อำเภอและจังหวัด งานกีฬาเยาวชนและประชาชนรวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพดำเนินงานการพัฒนาเยาวชนให้เป็นไปตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติการควบคุมตรวจสอบ การนิเทศ ติดตามผล วัดผลและประเมินผล งานจัดกิจกรรมภายในศูนย์เยาวชนและประชาชนไว้ตลอดปี งานประสานงานหน่วยงานอื่น ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมเยาวชน งานให้ความร่วมมือ จัดทำ ตรวจสอบงานขออนุมัติจัดซื้อ - จัดจ้าง และจัดทำทะเบียนควบคุมวัสดุครุภัณฑ์งานกิจกรรมเด็กเยาวชนฯ งานจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง แผน 5 ปี และแผนประจำปี
งานกีฬาและนันทนาการ ปฏิบัติหน้าที่ ส่งเสริมการกีฬาเพื่อสุขภาพของเด็กและเยาวชน งานส่งเสริมการกีฬาขั้นพื้นฐาน ทั้งในและนอกระบบการศึกษา งานพัฒนาเทคนิคการกีฬา งานส่งเสริมการกีฬาเพื่ออาชีพ งานการจัดการแข่งขันกีฬาเด็กและเยาวชน ประชาชน กีฬานักเรียน ศูนย์เยาวชน
งานกิจการ ปฏิบัติหน้าที่ งานส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนางานประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา งานส่งเสริมศาสนา ได้แก่ งานการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมนักเรียน จัดประชุมสัมมนาอบรมเกี่ยวกับศาสนา จัดทำแผนงานด้านการศาสนาและวัฒนธรรม งานอนุรักษ์ศาสนสถาน โบราณสถานและโบราณวัตถุ
งานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา โดยมี ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยเป็นผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงาน../add_file/กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานทางการศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาหลักสูตร การแนะแนว การวัดผลประเมินผล การพัฒนาตำราเรียน การวางแผนการศึกษาของมาตรฐานสถานศึกษา การจัดบริการส่งเสริมการศึกษา การใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา การเสนอแนะเกี่ยวกับการศึกษา ส่งเสริมการวิจัย การวางโครงการ สำรวจ เก็บรวบรวมข้อมูลสถิติการศึกษา เพื่อนำไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายแผนงาน และแนวทางการปฏิบัติในการจัดการศึกษา การเผยแพร่การศึกษา ช่วยปฏิบัติงานบริหารทั่วไปการบริหารงานบุคคลของพนักงานจ้างในสังกัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก งานระบบข้อมูล และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา มีรายละเอียดของงานและหน้าที่ความรับผิดชอบดังนี้
งานการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย ปฏิบัติหน้าที่ งานสำรวจความต้องการและปัญหาทางการศึกษา งานจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลสถิติทางการศึกษา งานวิจัยการศึกษาและงานนิทรรศการทางวิชาการ งานสำรวจเด็กเร่ร่อน เด็กพิเศษ ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ งานจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
งานส่งเสริม ประเพณีศิลปวัฒนธรรม ปฏิบัติหน้าที่ งานส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม ได้แก่ งานเกี่ยวกับการส่งเสริมศิลปะ อนุรักษ์งานศิลป์ หอวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์สถาน การสืบทอดส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น การพัฒนาและเผยแพร่วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้าน เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาให้เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น งานจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศวัฒนธรรมท้องถิ่น วัฒนธรรมพื้นบ้านงานส่งเสริมสนับสนุนสภาวัฒนธรรมและงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ งานส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น งานส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น งานประเพณีที่สำคัญในรอบปี
งานกิจกรรมเด็กและเยาวชน ปฏิบัติหน้าที่ งานสำรวจรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน งานประเพณีต่าง ๆ ของท้องถิ่นและงานวันสำคัญของชาติงานโครงการประกวดกิจกรรมเด็กและเยาวชนในเขตเทศบาล งานโครงการกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ วันเยาวชนแห่งชาติ งานกีฬานักเรียนระดับตำบล อำเภอและจังหวัด งานกีฬาเยาวชนและประชาชนรวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพดำเนินงานการพัฒนาเยาวชนให้เป็นไปตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติการควบคุมตรวจสอบ การนิเทศ ติดตามผล วัดผลและประเมินผล งานจัดกิจกรรมภายในศูนย์เยาวชนและประชาชนไว้ตลอดปี งานประสานงานหน่วยงานอื่น ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมเยาวชน งานให้ความร่วมมือ จัดทำ ตรวจสอบงานขออนุมัติจัดซื้อ - จัดจ้าง และจัดทำทะเบียนควบคุมวัสดุครุภัณฑ์งานกิจกรรมเด็กเยาวชนฯ งานจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง แผน 5 ปี และแผนประจำปี
งานกีฬาและนันทนาการ ปฏิบัติหน้าที่ ส่งเสริมการกีฬาเพื่อสุขภาพของเด็กและเยาวชน งานส่งเสริมการกีฬาขั้นพื้นฐาน ทั้งในและนอกระบบการศึกษา งานพัฒนาเทคนิคการกีฬา งานส่งเสริมการกีฬาเพื่ออาชีพ งานการจัดการแข่งขันกีฬาเด็กและเยาวชน ประชาชน กีฬานักเรียน ศูนย์เยาวชน
งานกิจการ ปฏิบัติหน้าที่ งานส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนางานประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา งานส่งเสริมศาสนา ได้แก่ งานการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมนักเรียน จัดประชุมสัมมนาอบรมเกี่ยวกับศาสนา จัดทำแผนงานด้านการศาสนาและวัฒนธรรม งานอนุรักษ์ศาสนสถาน โบราณสถานและโบราณวัตถุ
งานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา โดยมี ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยเป็นผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงาน
ชื่อไฟล์ :
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: ../add_file/
ชื่อไฟล์ : พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมาย ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔o"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอื่น ในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้ง กับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
"ข้อมูลข่าวสาร" หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้น จะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
"ข้อมูลข่าวสารของราชการ" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน
"หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการ สังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
"เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ
"ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่น ที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ สิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
"คนต่างด้าว" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และนิติบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างด้าวเป็นผู้ถือ
(๒) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว
(๓) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว
(๔) นิติบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการหรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุนดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว
มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คำปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมาย ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔o"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอื่น ในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้ง กับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
"ข้อมูลข่าวสาร" หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้น จะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
"ข้อมูลข่าวสารของราชการ" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน
"หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการ สังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
"เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ
"ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่น ที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ สิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
"คนต่างด้าว" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และนิติบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างด้าวเป็นผู้ถือ
(๒) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว
(๓) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว
(๔) นิติบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการหรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุนดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว
มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คำปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
../add_file/ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมาย ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔o"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอื่น ในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้ง กับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
"ข้อมูลข่าวสาร" หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้น จะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
"ข้อมูลข่าวสารของราชการ" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน
"หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการ สังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
"เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ
"ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่น ที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ สิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
"คนต่างด้าว" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และนิติบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างด้าวเป็นผู้ถือ
(๒) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว
(๓) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว
(๔) นิติบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการหรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุนดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว
มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คำปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
ชื่อไฟล์ : มาตรา ๗ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
(๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
(๒) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้น โดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิง ถึงสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการ ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๘ ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนำมาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็น คุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเป็นจริงมาก่อนแล้วเป็นเวลาพอสมควร
มาตรา ๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
(๑) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัย ดังกล่าว
(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา ๗ (๔)
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
(๔) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
(๕) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง
(๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
(๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงาน ทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย
(๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารที่จัดให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียม ในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๑o บทบัญญัติมาตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของราชการที่มี กฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีการเผยแพร่ หรือเปิดเผย ด้วยวิธีการอย่างอื่น
มาตรา ๑๑ นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา ๒๖ แล้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและคำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการในลักษณะที่อาจ เข้าใจได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผู้นั้นขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจะจัดทำสำเนาให้ใน สภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นได้ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมที่จะให้ได้ มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำ วิเคราะห์ จำแนก รวบรวม หรือจัดให้ มีขึ้นใหม่ เว้นแต่เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ใน ระบบการบันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณี ที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่ จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้ บทบัญญัติวรรคสาม ไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการใดขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหากเป็น การสอดคล้องด้วยอำนาจ หน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม
มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๑ แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแล ของหน่วยงานส่วนกลางหรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้น หรือจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคำขอให้คำแนะนำเพื่อไปยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคำขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่มีคำขอเป็นข้อมูลข่าวสารที่จัดทำโดยหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุ ห้ามการเปิดเผยไว้ตามระเบียบที่กำหนดตามมาตรา ๑๖ ให้ส่งคำขอนั้น ให้หน่วยงานของรัฐผู้จัดทำข้อมูลข่าวสารนั้น พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
มาตรา ๑๓ ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๗ หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา๑๕ หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตรา ๑๗ หรือคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๕ ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ รับคำร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินหกสิบวัน
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้

ชื่อไฟล์: มาตรา ๗ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
(๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
(๒) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้น โดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิง ถึงสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการ ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๘ ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนำมาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็น คุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเป็นจริงมาก่อนแล้วเป็นเวลาพอสมควร
มาตรา ๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
(๑) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัย ดังกล่าว
(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา ๗ (๔)
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
(๔) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
(๕) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง
(๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
(๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงาน ทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย
(๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารที่จัดให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียม ในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๑o บทบัญญัติมาตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของราชการที่มี กฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีการเผยแพร่ หรือเปิดเผย ด้วยวิธีการอย่างอื่น
มาตรา ๑๑ นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา ๒๖ แล้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและคำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการในลักษณะที่อาจ เข้าใจได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผู้นั้นขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจะจัดทำสำเนาให้ใน สภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นได้ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมที่จะให้ได้ มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำ วิเคราะห์ จำแนก รวบรวม หรือจัดให้ มีขึ้นใหม่ เว้นแต่เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ใน ระบบการบันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณี ที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่ จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้ บทบัญญัติวรรคสาม ไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการใดขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหากเป็น การสอดคล้องด้วยอำนาจ หน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม
มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๑ แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแล ของหน่วยงานส่วนกลางหรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้น หรือจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคำขอให้คำแนะนำเพื่อไปยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคำขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่มีคำขอเป็นข้อมูลข่าวสารที่จัดทำโดยหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุ ห้ามการเปิดเผยไว้ตามระเบียบที่กำหนดตามมาตรา ๑๖ ให้ส่งคำขอนั้น ให้หน่วยงานของรัฐผู้จัดทำข้อมูลข่าวสารนั้น พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
มาตรา ๑๓ ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๗ หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา๑๕ หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตรา ๑๗ หรือคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๕ ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ รับคำร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินหกสิบวัน../add_file/มาตรา ๗ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
(๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
(๒) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้น โดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิง ถึงสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการ ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๘ ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนำมาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็น คุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเป็นจริงมาก่อนแล้วเป็นเวลาพอสมควร
มาตรา ๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
(๑) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัย ดังกล่าว
(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา ๗ (๔)
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
(๔) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
(๕) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง
(๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
(๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงาน ทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย
(๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารที่จัดให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียม ในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๑o บทบัญญัติมาตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของราชการที่มี กฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีการเผยแพร่ หรือเปิดเผย ด้วยวิธีการอย่างอื่น
มาตรา ๑๑ นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา ๒๖ แล้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและคำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการในลักษณะที่อาจ เข้าใจได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผู้นั้นขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจะจัดทำสำเนาให้ใน สภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นได้ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมที่จะให้ได้ มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำ วิเคราะห์ จำแนก รวบรวม หรือจัดให้ มีขึ้นใหม่ เว้นแต่เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ใน ระบบการบันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณี ที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่ จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้ บทบัญญัติวรรคสาม ไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการใดขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหากเป็น การสอดคล้องด้วยอำนาจ หน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม
มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๑ แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแล ของหน่วยงานส่วนกลางหรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้น หรือจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคำขอให้คำแนะนำเพื่อไปยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคำขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่มีคำขอเป็นข้อมูลข่าวสารที่จัดทำโดยหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุ ห้ามการเปิดเผยไว้ตามระเบียบที่กำหนดตามมาตรา ๑๖ ให้ส่งคำขอนั้น ให้หน่วยงานของรัฐผู้จัดทำข้อมูลข่าวสารนั้น พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
มาตรา ๑๓ ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๗ หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา๑๕ หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตรา ๑๗ หรือคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๕ ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ รับคำร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินหกสิบวัน
ชื่อไฟล์ :
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมาย ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔o"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอื่น ในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้ง กับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
"ข้อมูลข่าวสาร" หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้น จะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
"ข้อมูลข่าวสารของราชการ" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน
"หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการ สังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
"เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ
"ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่น ที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ สิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
"คนต่างด้าว" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และนิติบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างด้าวเป็นผู้ถือ
(๒) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว
(๓) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว
(๔) นิติบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการหรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุนดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว
มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คำปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมาย ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔o"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอื่น ในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้ง กับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
"ข้อมูลข่าวสาร" หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้น จะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
"ข้อมูลข่าวสารของราชการ" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน
"หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการ สังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
"เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ
"ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่น ที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ สิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
"คนต่างด้าว" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และนิติบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างด้าวเป็นผู้ถือ
(๒) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว
(๓) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว
(๔) นิติบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการหรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุนดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว
มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คำปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์:
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมาย ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔o"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอื่น ในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้ง กับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
"ข้อมูลข่าวสาร" หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้น จะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
"ข้อมูลข่าวสารของราชการ" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน
"หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการ สังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
"เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ
"ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่น ที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ สิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
"คนต่างด้าว" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และนิติบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างด้าวเป็นผู้ถือ
(๒) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว
(๓) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว
(๔) นิติบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการหรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุนดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว
มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คำปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
../add_file/
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมาย ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔o"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอื่น ในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้ง กับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
"ข้อมูลข่าวสาร" หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้น จะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
"ข้อมูลข่าวสารของราชการ" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน
"หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการ สังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
"เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ
"ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล" หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่น ที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ สิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
"คนต่างด้าว" หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และนิติบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างด้าวเป็นผู้ถือ
(๒) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว
(๓) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว
(๔) นิติบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการหรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุนดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว
มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คำปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
ชื่อไฟล์ : มาตรา ๗ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
(๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
(๒) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้น โดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิง ถึงสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการ ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๘ ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนำมาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็น คุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเป็นจริงมาก่อนแล้วเป็นเวลาพอสมควร
มาตรา ๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
(๑) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัย ดังกล่าว
(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา ๗ (๔)
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
(๔) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
(๕) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง
(๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
(๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงาน ทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย
(๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารที่จัดให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียม ในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๑o บทบัญญัติมาตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของราชการที่มี กฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีการเผยแพร่ หรือเปิดเผย ด้วยวิธีการอย่างอื่น
มาตรา ๑๑ นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา ๒๖ แล้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและคำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการในลักษณะที่อาจ เข้าใจได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผู้นั้นขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจะจัดทำสำเนาให้ใน สภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นได้ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมที่จะให้ได้ มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำ วิเคราะห์ จำแนก รวบรวม หรือจัดให้ มีขึ้นใหม่ เว้นแต่เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ใน ระบบการบันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณี ที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่ จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้ บทบัญญัติวรรคสาม ไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการใดขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหากเป็น การสอดคล้องด้วยอำนาจ หน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม
มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๑ แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแล ของหน่วยงานส่วนกลางหรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้น หรือจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคำขอให้คำแนะนำเพื่อไปยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคำขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่มีคำขอเป็นข้อมูลข่าวสารที่จัดทำโดยหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุ ห้ามการเปิดเผยไว้ตามระเบียบที่กำหนดตามมาตรา ๑๖ ให้ส่งคำขอนั้น ให้หน่วยงานของรัฐผู้จัดทำข้อมูลข่าวสารนั้น พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
มาตรา ๑๓ ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๗ หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา๑๕ หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตรา ๑๗ หรือคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๕ ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ รับคำร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินหกสิบวัน
มาตรา ๗ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
(๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
(๒) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้น โดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิง ถึงสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการ ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๘ ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนำมาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็น คุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเป็นจริงมาก่อนแล้วเป็นเวลาพอสมควร
มาตรา ๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
(๑) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัย ดังกล่าว
(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา ๗ (๔)
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
(๔) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
(๕) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง
(๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
(๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงาน ทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย
(๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารที่จัดให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียม ในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๑o บทบัญญัติมาตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของราชการที่มี กฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีการเผยแพร่ หรือเปิดเผย ด้วยวิธีการอย่างอื่น
มาตรา ๑๑ นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา ๒๖ แล้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและคำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการในลักษณะที่อาจ เข้าใจได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผู้นั้นขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจะจัดทำสำเนาให้ใน สภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นได้ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมที่จะให้ได้ มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำ วิเคราะห์ จำแนก รวบรวม หรือจัดให้ มีขึ้นใหม่ เว้นแต่เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ใน ระบบการบันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณี ที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่ จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้ บทบัญญัติวรรคสาม ไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการใดขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหากเป็น การสอดคล้องด้วยอำนาจ หน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม
มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๑ แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแล ของหน่วยงานส่วนกลางหรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้น หรือจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคำขอให้คำแนะนำเพื่อไปยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคำขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่มีคำขอเป็นข้อมูลข่าวสารที่จัดทำโดยหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุ ห้ามการเปิดเผยไว้ตามระเบียบที่กำหนดตามมาตรา ๑๖ ให้ส่งคำขอนั้น ให้หน่วยงานของรัฐผู้จัดทำข้อมูลข่าวสารนั้น พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
มาตรา ๑๓ ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๗ หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา๑๕ หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตรา ๑๗ หรือคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๕ ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ รับคำร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินหกสิบวัน
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: มาตรา ๗ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
(๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
(๒) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้น โดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิง ถึงสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการ ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๘ ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนำมาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็น คุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเป็นจริงมาก่อนแล้วเป็นเวลาพอสมควร
มาตรา ๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
(๑) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัย ดังกล่าว
(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา ๗ (๔)
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
(๔) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
(๕) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง
(๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
(๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงาน ทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย
(๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารที่จัดให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียม ในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๑o บทบัญญัติมาตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของราชการที่มี กฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีการเผยแพร่ หรือเปิดเผย ด้วยวิธีการอย่างอื่น
มาตรา ๑๑ นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา ๒๖ แล้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและคำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการในลักษณะที่อาจ เข้าใจได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผู้นั้นขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจะจัดทำสำเนาให้ใน สภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นได้ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมที่จะให้ได้ มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำ วิเคราะห์ จำแนก รวบรวม หรือจัดให้ มีขึ้นใหม่ เว้นแต่เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ใน ระบบการบันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณี ที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่ จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้ บทบัญญัติวรรคสาม ไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการใดขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหากเป็น การสอดคล้องด้วยอำนาจ หน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม
มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๑ แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแล ของหน่วยงานส่วนกลางหรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้น หรือจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคำขอให้คำแนะนำเพื่อไปยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคำขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่มีคำขอเป็นข้อมูลข่าวสารที่จัดทำโดยหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุ ห้ามการเปิดเผยไว้ตามระเบียบที่กำหนดตามมาตรา ๑๖ ให้ส่งคำขอนั้น ให้หน่วยงานของรัฐผู้จัดทำข้อมูลข่าวสารนั้น พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
มาตรา ๑๓ ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๗ หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา๑๕ หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตรา ๑๗ หรือคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๕ ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ รับคำร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินหกสิบวัน
../add_file/มาตรา ๗ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
(๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
(๒) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้น โดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิง ถึงสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการ ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๘ ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนำมาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็น คุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเป็นจริงมาก่อนแล้วเป็นเวลาพอสมควร
มาตรา ๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
(๑) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัย ดังกล่าว
(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา ๗ (๔)
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
(๔) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
(๕) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง
(๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
(๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงาน ทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย
(๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารที่จัดให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียม ในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๑o บทบัญญัติมาตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของราชการที่มี กฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีการเผยแพร่ หรือเปิดเผย ด้วยวิธีการอย่างอื่น
มาตรา ๑๑ นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา ๒๖ แล้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและคำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการในลักษณะที่อาจ เข้าใจได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผู้นั้นขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจะจัดทำสำเนาให้ใน สภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นได้ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมที่จะให้ได้ มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำ วิเคราะห์ จำแนก รวบรวม หรือจัดให้ มีขึ้นใหม่ เว้นแต่เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ใน ระบบการบันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณี ที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่ จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้ บทบัญญัติวรรคสาม ไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการใดขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหากเป็น การสอดคล้องด้วยอำนาจ หน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม
มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๑ แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแล ของหน่วยงานส่วนกลางหรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้น หรือจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคำขอให้คำแนะนำเพื่อไปยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคำขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่มีคำขอเป็นข้อมูลข่าวสารที่จัดทำโดยหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุ ห้ามการเปิดเผยไว้ตามระเบียบที่กำหนดตามมาตรา ๑๖ ให้ส่งคำขอนั้น ให้หน่วยงานของรัฐผู้จัดทำข้อมูลข่าวสารนั้น พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
มาตรา ๑๓ ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๗ หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา๑๕ หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตรา ๑๗ หรือคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๕ ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ รับคำร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินหกสิบวัน
ชื่อไฟล์ : มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะเปิดเผยมิได้ มาตรา ๑๕ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำสั่ง มิให้เปิดเผยก็ได้ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน
(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ หรือการคลังของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ตาม
(๓) ความเห็นหรือคำแนะนำภายในหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการทำความเห็นหรือคำแนะนำภายในดังกล่าว
(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร
(๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการ นำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น
(๗) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วยว่าที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูล ข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถือว่าการมีคำสั่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นดุลพินิจ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามลำดับสายการบังคับบัญชา แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิดเผยต่อบุคคลใดได้ หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใดและสมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐกำหนดวิธีการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วย การรักษาความลับของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคำคัดค้านภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคำคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยทำเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคำคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดย ไม่ชักช้า ในกรณีที่มีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล่วงพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตาม
มาตรา ๑๘ หรือจนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๘ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือมีคำสั่งไม่รับฟัง คำคัดค้านของผู้ที่มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา ๑๗ ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้นโดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา ๑๙ การพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่มีคำสั่งมิให้เปิดเผยนั้นไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการ คณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ตาม จะต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยมิให้ข้อมูลข่าวสารนั้นเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดที่ไม่จำเป็น แก่การพิจารณาและในกรณีที่จำเป็นจะพิจารณาลับหลังคู่กรณีหรือคู่ความฝ่ายใดก็ได้
มาตรา ๒o การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดแม้จะเข้าข่ายต้องมีความรับผิดตามกฎหมายใด ใ ห้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิด หากเป็นการกระทำโดยสุจริตในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามระเบียบตามมาตรา ๑๖
(๒) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีคำสั่งให้เปิดเผยเป็นการทั่วไป หรือเฉพาะแก่บุคคลใดเพื่อ ประโยชน์อันสำคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล และคำสั่งนั้นได้กระทำโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี้จะมีการกำหนดข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการใช้ข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเหมาะสมก็ได้ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายหากจะพึงมีในกรณี ดังกล่าว
มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะเปิดเผยมิได้ มาตรา ๑๕ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำสั่ง มิให้เปิดเผยก็ได้ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน
(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ หรือการคลังของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ตาม
(๓) ความเห็นหรือคำแนะนำภายในหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการทำความเห็นหรือคำแนะนำภายในดังกล่าว
(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร
(๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการ นำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น
(๗) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วยว่าที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูล ข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถือว่าการมีคำสั่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นดุลพินิจ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามลำดับสายการบังคับบัญชา แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิดเผยต่อบุคคลใดได้ หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใดและสมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐกำหนดวิธีการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วย การรักษาความลับของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคำคัดค้านภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคำคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยทำเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคำคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดย ไม่ชักช้า ในกรณีที่มีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล่วงพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตาม
มาตรา ๑๘ หรือจนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๘ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือมีคำสั่งไม่รับฟัง คำคัดค้านของผู้ที่มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา ๑๗ ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้นโดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา ๑๙ การพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่มีคำสั่งมิให้เปิดเผยนั้นไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการ คณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ตาม จะต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยมิให้ข้อมูลข่าวสารนั้นเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดที่ไม่จำเป็น แก่การพิจารณาและในกรณีที่จำเป็นจะพิจารณาลับหลังคู่กรณีหรือคู่ความฝ่ายใดก็ได้
มาตรา ๒o การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดแม้จะเข้าข่ายต้องมีความรับผิดตามกฎหมายใด ใ ห้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิด หากเป็นการกระทำโดยสุจริตในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามระเบียบตามมาตรา ๑๖
(๒) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีคำสั่งให้เปิดเผยเป็นการทั่วไป หรือเฉพาะแก่บุคคลใดเพื่อ ประโยชน์อันสำคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล และคำสั่งนั้นได้กระทำโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี้จะมีการกำหนดข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการใช้ข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเหมาะสมก็ได้ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายหากจะพึงมีในกรณี ดังกล่าว
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะเปิดเผยมิได้ มาตรา ๑๕ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำสั่ง มิให้เปิดเผยก็ได้ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน
(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ หรือการคลังของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ตาม
(๓) ความเห็นหรือคำแนะนำภายในหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการทำความเห็นหรือคำแนะนำภายในดังกล่าว
(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร
(๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการ นำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น
(๗) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วยว่าที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูล ข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถือว่าการมีคำสั่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นดุลพินิจ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามลำดับสายการบังคับบัญชา แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิดเผยต่อบุคคลใดได้ หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใดและสมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐกำหนดวิธีการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วย การรักษาความลับของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคำคัดค้านภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคำคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยทำเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคำคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดย ไม่ชักช้า ในกรณีที่มีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล่วงพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตาม
มาตรา ๑๘ หรือจนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๘ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือมีคำสั่งไม่รับฟัง คำคัดค้านของผู้ที่มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา ๑๗ ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้นโดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา ๑๙ การพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่มีคำสั่งมิให้เปิดเผยนั้นไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการ คณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ตาม จะต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยมิให้ข้อมูลข่าวสารนั้นเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดที่ไม่จำเป็น แก่การพิจารณาและในกรณีที่จำเป็นจะพิจารณาลับหลังคู่กรณีหรือคู่ความฝ่ายใดก็ได้
มาตรา ๒o การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดแม้จะเข้าข่ายต้องมีความรับผิดตามกฎหมายใด ใ ห้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิด หากเป็นการกระทำโดยสุจริตในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามระเบียบตามมาตรา ๑๖
(๒) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีคำสั่งให้เปิดเผยเป็นการทั่วไป หรือเฉพาะแก่บุคคลใดเพื่อ ประโยชน์อันสำคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล และคำสั่งนั้นได้กระทำโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี้จะมีการกำหนดข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการใช้ข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเหมาะสมก็ได้ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายหากจะพึงมีในกรณี ดังกล่าว
../add_file/มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะเปิดเผยมิได้ มาตรา ๑๕ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำสั่ง มิให้เปิดเผยก็ได้ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน
(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ หรือการคลังของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ตาม
(๓) ความเห็นหรือคำแนะนำภายในหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการทำความเห็นหรือคำแนะนำภายในดังกล่าว
(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร
(๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการ นำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น
(๗) กรณีอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วยว่าที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูล ข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถือว่าการมีคำสั่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นดุลพินิจ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามลำดับสายการบังคับบัญชา แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิดเผยต่อบุคคลใดได้ หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใดและสมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐกำหนดวิธีการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วย การรักษาความลับของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคำคัดค้านภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคำคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยทำเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคำคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดย ไม่ชักช้า ในกรณีที่มีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล่วงพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตาม
มาตรา ๑๘ หรือจนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๘ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือมีคำสั่งไม่รับฟัง คำคัดค้านของผู้ที่มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา ๑๗ ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้นโดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา ๑๙ การพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่มีคำสั่งมิให้เปิดเผยนั้นไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการ คณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ตาม จะต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยมิให้ข้อมูลข่าวสารนั้นเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดที่ไม่จำเป็น แก่การพิจารณาและในกรณีที่จำเป็นจะพิจารณาลับหลังคู่กรณีหรือคู่ความฝ่ายใดก็ได้
มาตรา ๒o การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดแม้จะเข้าข่ายต้องมีความรับผิดตามกฎหมายใด ใ ห้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิด หากเป็นการกระทำโดยสุจริตในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามระเบียบตามมาตรา ๑๖
(๒) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีคำสั่งให้เปิดเผยเป็นการทั่วไป หรือเฉพาะแก่บุคคลใดเพื่อ ประโยชน์อันสำคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล และคำสั่งนั้นได้กระทำโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี้จะมีการกำหนดข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการใช้ข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเหมาะสมก็ได้ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายหากจะพึงมีในกรณี ดังกล่าว
ชื่อไฟล์ : รอปรับปรุง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: รอปรับปรุง../add_file/รอปรับปรุง
ชื่อไฟล์ : ข้อมูลทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา
ที่ตั้งของหมู่บ้าน/ตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาตั้งอยู่ที่บ้านหนองจอก หมู่ที่ 11 ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้จัดตั้งตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 เดือนธันวาคม พ.ศ.2539 อยู่ห่างจากอำเภอปราสาทมาทางทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร ตามถนนสายโชคชัย- เดชอุดม ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 144-145 เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลขนาดกลาง
ทิศเหนือ จดตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ทิศใต้ จดตำบลหนองใหญ่ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ทิศตะวันออก จดตำบลโคกยาง ตำบลกันตวจระมวล อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ทิศตะวันตก จดตำบลกันแอน ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา เป็นที่ราบสูง ลักษณะดินเป็นดิน ปนทราย พื้นที่ส่วนมากเป็นที่ราบโล่ง ใช้เป็นที่เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย โดยมีแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ ห้วยเสนง
จำนวนหมู่บ้าน ในเขตตำบลตาเบา แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 19 หมู่บ้าน
หมู่ที่ ชื่อหมู่บ้าน ชื่อ – สกุล ตำแหน่ง
๑ บ้านโชค นายอรุณ ยามดี ผู้ใหญ่บ้าน
๒ บ้านตาเบา นายสมจิตร์ คิดนุนาม ผู้ใหญ่บ้าน
๓ บ้านตาเตียว นายนิตย์ ธานีพูน ผู้ใหญ่บ้าน
๔ บ้านสวาย นายเสาะ มีบุตรดี ผู้ใหญ่บ้าน
๕ บ้านปันรัว นายทานี สินสร้าง ผู้ใหญ่บ้าน
6 บ้านกันตาลหาร นายเฉลิม คิดดีจริง ผู้ใหญ่บ้าน
7 บ้านกระเพอโร นายเจริญสุข เซ่นชาย ผู้ใหญ่บ้าน
8 บ้านโคกจราบ นางสำราญ สัญจรดี ผู้ใหญ่บ้าน
9 บ้านภูมิสตึง นายนัง ชูชื่นบุญ ผู้ใหญ่บ้าน
10 บ้านละเบิก นายเสือย พอกสนิท ผู้ใหญ่บ้าน
11 บ้านหนองจอก นายสติ เปรียบดีสุด ผู้ใหญ่บ้าน
12 บ้านขวาว นายปวน ใยแดง ผู้ใหญ่บ้าน
13 บ้านปะปูล นายเชิดศักดิ์ ปลายแก่น ผู้ใหญ่บ้าน
14 บ้านลำพุก นายปริญญา เฉลียวฉลาด ผู้ใหญ่บ้าน
15 บ้านบุเจก นางสมบูรณ์ เลี่ยมดี ผู้ใหญ่บ้าน
16 บ้านสวายจู นายเดือน คิดดีจริง ผู้ใหญ่บ้าน
17 บ้านโคกเวง นายสุรเชษฐ์ รัตนวรรณ กำนันตำบลตาเบา
18 บ้านปอยจุม นายมีศักดิ์ คิดดีจริง ผู้ใหญ่บ้าน
19 บ้านจบก นายสุพนจ์ สัญจรดี ผู้ใหญ่บ้าน
-พื้นที่ทั้งหมดจำนวน 72.327 ตารางกิโลเมตร
-ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 408 กิโลเมตร
-ห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทประมาณ 9 กิโลเมตร
-ห่างจากศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ประมาณ 40 กิโลเมตร
สภาพทางสังคม
การศึกษา
ในเขตพื้นที่ตำบลตาเบา มีสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวนทั้งสิ้น 6 แห่ง ประกอบด้วย
ระดับประถมศึกษา จำนวน 6 แห่ง แยกเป็น
- โรงเรียนบ้านโชค ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านโชค
- โรงเรียนบ้านตาเบา ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านหนองจอก
- โรงเรียนบ้านตาเตียว ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านตาเตียว
- โรงเรียนบ้านสวาย ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านสวาย
- โรงเรียนบ้านตะคร้อ ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านปันรัว
- โรงเรียนบ้านลำพุก ตั้งอยู่หมู่ที่ 14 บ้านลำพุก
ระดับมัธยมศึกษา จำนวน 1 แห่ง แยกเป็น
- โรงเรียนตาเบาวิทยา ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 บ้านละเบิก
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา จำนวนทั้งสิ้น 2 แห่ง ประกอบด้วย
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านภูมิสตึง ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านภูมิสตึง
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองจอก ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านหนองจอก
ศาสนสถาน
ในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีศาสนสถาน จำนวนทั้งสิ้น 5 แห่ง ประกอบด้วย
วัด จำนวน 5 แห่ง แยกเป็น
- วัดอัมรินทราราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านตาเตียว
- วัดตาเบา ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านหนองจอก
- วัดกันตาลหาร ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 บ้านกันตาลหาร
- วัดศีลาธรรมาราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 บ้านละเบิก
- วัดสหธรรม ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 บ้านโคกจราบ
การนับถือศาสนา
ประชาชนส่วนใหญ่ในเขตตำบลตาเบานับถือศาสนาพุทธ
สาธารณสุข
ในเขตพื้นที่ตำบลตาเบา มีหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขประจำตำบล ประกอบด้วย
- สถานีอนามัยตำบลตาเบา ตั้งอยู่หมู่ที่ 17 บ้านโคกเวง
- อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 19 หมู่
- กองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลตาเบา
การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในเขตพื้นที่ตำบลตาเบา มีบุคลากรและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดังนี้
- ศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) มีบุคลากร จำนวน 185 คน
- หน่วยกู้ชีพ-กู้ภัยตำบลตาเบา มีบุคลากร จำนวน 15 คน
ทรัพยากรธรรมชาติ
ในปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อการอุตสาหกรรมแต่อย่างใด
สิ่งแวดล้อม
- ปริมาณน้ำเสียยังไม่สามารถวัดปริมาณได้แน่นอนเนื่องไม่มีการกำจัดน้ำเสียที่เป็นระบบ
- ปริมาณขยะเนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบายังไม่มีการเก็บขยะที่เป็นระบบและไม่มีพื้นที่สำหรับกำจัดขยะโดยการกำจัดขยะประชาชนใช้วิธีฝังกลบ เผาทำลายและมีบางส่วนมีการนำกลับมาใช้ใหม่
การคมนาคม/การจราจร
ถนน
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีการคมนาคมทางบก ซึ่งมีถนนสายหลักที่ใช้ในการคมนาคม จำนวน 1 สายคือ ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 24 สายโชคชัย-เดชอุดม นอกจากนั้นก็มีเส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาส่วนใหญ่เป็นถนนดินและหินคลุก การคมนาคมไม่ค่อยสะดวก โดยเฉพาะในฤดูฝนเป็นหลุมเป็นบ่อเพราะถนนไม่ได้มาตรฐาน
สะพาน
จำนวนสะพานคอนกรีต 3 แห่ง
แหล่งน้ำ
จำนวนห้วย/หนอง/คลอง/บึง 67 แห่ง
จำนวนคลองชลประทาน 1 แห่ง
จำนวนบ่อบาดาลสาธารณะ 71 แห่ง
จำนวนบ่อน้ำตื้นสาธารณะ 2 แห่ง
จำนวนถังเก็บน้ำฝน 100 แห่ง
การขนส่ง
การเดินทางในพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา ใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ กรณีเดินทางระหว่างจังหวัดใช้โดยสารสถานีขนส่งอำเภอปราสาท และรถโดยสารประจำทาง
การโทรคมนาคม/สื่อสาร
จำนวนโทรศัพท์สาธารณะ 15 แห่ง
จำนวนสถานที่บริการอินเตอร์เน็ต 1 แห่ง
จำนวนหอกระจายข่าว 19 แห่ง
การประปา
จำนวนประปาหมู่บ้าน 13 แห่ง
การไฟฟ้า
จำนวนครัวเรือนที่มีไฟฟ้าใช้ 1,797 ครัวเรือน
จำนวนครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ 55 ครัวเรือน
จำนวนครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 ครัวเรือน
จำนวนไฟฟ้าสาธารณะ 104 จุด
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: ข้อมูลทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา
ที่ตั้งของหมู่บ้าน/ตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาตั้งอยู่ที่บ้านหนองจอก หมู่ที่ 11 ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้จัดตั้งตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 เดือนธันวาคม พ.ศ.2539 อยู่ห่างจากอำเภอปราสาทมาทางทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร ตามถนนสายโชคชัย- เดชอุดม ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 144-145 เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลขนาดกลาง
ทิศเหนือ จดตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ทิศใต้ จดตำบลหนองใหญ่ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ทิศตะวันออก จดตำบลโคกยาง ตำบลกันตวจระมวล อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ทิศตะวันตก จดตำบลกันแอน ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา เป็นที่ราบสูง ลักษณะดินเป็นดิน ปนทราย พื้นที่ส่วนมากเป็นที่ราบโล่ง ใช้เป็นที่เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย โดยมีแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ ห้วยเสนง
จำนวนหมู่บ้าน ในเขตตำบลตาเบา แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 19 หมู่บ้าน
หมู่ที่ ชื่อหมู่บ้าน ชื่อ – สกุล ตำแหน่ง
๑ บ้านโชค นายอรุณ ยามดี ผู้ใหญ่บ้าน
๒ บ้านตาเบา นายสมจิตร์ คิดนุนาม ผู้ใหญ่บ้าน
๓ บ้านตาเตียว นายนิตย์ ธานีพูน ผู้ใหญ่บ้าน
๔ บ้านสวาย นายเสาะ มีบุตรดี ผู้ใหญ่บ้าน
๕ บ้านปันรัว นายทานี สินสร้าง ผู้ใหญ่บ้าน
6 บ้านกันตาลหาร นายเฉลิม คิดดีจริง ผู้ใหญ่บ้าน
7 บ้านกระเพอโร นายเจริญสุข เซ่นชาย ผู้ใหญ่บ้าน
8 บ้านโคกจราบ นางสำราญ สัญจรดี ผู้ใหญ่บ้าน
9 บ้านภูมิสตึง นายนัง ชูชื่นบุญ ผู้ใหญ่บ้าน
10 บ้านละเบิก นายเสือย พอกสนิท ผู้ใหญ่บ้าน
11 บ้านหนองจอก นายสติ เปรียบดีสุด ผู้ใหญ่บ้าน
12 บ้านขวาว นายปวน ใยแดง ผู้ใหญ่บ้าน
13 บ้านปะปูล นายเชิดศักดิ์ ปลายแก่น ผู้ใหญ่บ้าน
14 บ้านลำพุก นายปริญญา เฉลียวฉลาด ผู้ใหญ่บ้าน
15 บ้านบุเจก นางสมบูรณ์ เลี่ยมดี ผู้ใหญ่บ้าน
16 บ้านสวายจู นายเดือน คิดดีจริง ผู้ใหญ่บ้าน
17 บ้านโคกเวง นายสุรเชษฐ์ รัตนวรรณ กำนันตำบลตาเบา
18 บ้านปอยจุม นายมีศักดิ์ คิดดีจริง ผู้ใหญ่บ้าน
19 บ้านจบก นายสุพนจ์ สัญจรดี ผู้ใหญ่บ้าน
-พื้นที่ทั้งหมดจำนวน 72.327 ตารางกิโลเมตร
-ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 408 กิโลเมตร
-ห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทประมาณ 9 กิโลเมตร
-ห่างจากศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ประมาณ 40 กิโลเมตร
สภาพทางสังคม
การศึกษา
ในเขตพื้นที่ตำบลตาเบา มีสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวนทั้งสิ้น 6 แห่ง ประกอบด้วย
ระดับประถมศึกษา จำนวน 6 แห่ง แยกเป็น
- โรงเรียนบ้านโชค ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านโชค
- โรงเรียนบ้านตาเบา ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านหนองจอก
- โรงเรียนบ้านตาเตียว ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านตาเตียว
- โรงเรียนบ้านสวาย ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านสวาย
- โรงเรียนบ้านตะคร้อ ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านปันรัว
- โรงเรียนบ้านลำพุก ตั้งอยู่หมู่ที่ 14 บ้านลำพุก
ระดับมัธยมศึกษา จำนวน 1 แห่ง แยกเป็น
- โรงเรียนตาเบาวิทยา ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 บ้านละเบิก
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา จำนวนทั้งสิ้น 2 แห่ง ประกอบด้วย
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านภูมิสตึง ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านภูมิสตึง
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองจอก ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านหนองจอก
ศาสนสถาน
ในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีศาสนสถาน จำนวนทั้งสิ้น 5 แห่ง ประกอบด้วย
วัด จำนวน 5 แห่ง แยกเป็น
- วัดอัมรินทราราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านตาเตียว
- วัดตาเบา ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านหนองจอก
- วัดกันตาลหาร ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 บ้านกันตาลหาร
- วัดศีลาธรรมาราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 บ้านละเบิก
- วัดสหธรรม ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 บ้านโคกจราบ
การนับถือศาสนา
ประชาชนส่วนใหญ่ในเขตตำบลตาเบานับถือศาสนาพุทธ
สาธารณสุข
ในเขตพื้นที่ตำบลตาเบา มีหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขประจำตำบล ประกอบด้วย
- สถานีอนามัยตำบลตาเบา ตั้งอยู่หมู่ที่ 17 บ้านโคกเวง
- อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 19 หมู่
- กองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลตาเบา
การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในเขตพื้นที่ตำบลตาเบา มีบุคลากรและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดังนี้
- ศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) มีบุคลากร จำนวน 185 คน
- หน่วยกู้ชีพ-กู้ภัยตำบลตาเบา มีบุคลากร จำนวน 15 คน
ทรัพยากรธรรมชาติ
ในปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อการอุตสาหกรรมแต่อย่างใด
สิ่งแวดล้อม
- ปริมาณน้ำเสียยังไม่สามารถวัดปริมาณได้แน่นอนเนื่องไม่มีการกำจัดน้ำเสียที่เป็นระบบ
- ปริมาณขยะเนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบายังไม่มีการเก็บขยะที่เป็นระบบและไม่มีพื้นที่สำหรับกำจัดขยะโดยการกำจัดขยะประชาชนใช้วิธีฝังกลบ เผาทำลายและมีบางส่วนมีการนำกลับมาใช้ใหม่
การคมนาคม/การจราจร
ถนน
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีการคมนาคมทางบก ซึ่งมีถนนสายหลักที่ใช้ในการคมนาคม จำนวน 1 สายคือ ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 24 สายโชคชัย-เดชอุดม นอกจากนั้นก็มีเส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาส่วนใหญ่เป็นถนนดินและหินคลุก การคมนาคมไม่ค่อยสะดวก โดยเฉพาะในฤดูฝนเป็นหลุมเป็นบ่อเพราะถนนไม่ได้มาตรฐาน
สะพาน
จำนวนสะพานคอนกรีต 3 แห่ง
แหล่งน้ำ
จำนวนห้วย/หนอง/คลอง/บึง 67 แห่ง
จำนวนคลองชลประทาน 1 แห่ง
จำนวนบ่อบาดาลสาธารณะ 71 แห่ง
จำนวนบ่อน้ำตื้นสาธารณะ 2 แห่ง
จำนวนถังเก็บน้ำฝน 100 แห่ง
การขนส่ง
การเดินทางในพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา ใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ กรณีเดินทางระหว่างจังหวัดใช้โดยสารสถานีขนส่งอำเภอปราสาท และรถโดยสารประจำทาง
การโทรคมนาคม/สื่อสาร
จำนวนโทรศัพท์สาธารณะ 15 แห่ง
จำนวนสถานที่บริการอินเตอร์เน็ต 1 แห่ง
จำนวนหอกระจายข่าว 19 แห่ง
การประปา
จำนวนประปาหมู่บ้าน 13 แห่ง
การไฟฟ้า
จำนวนครัวเรือนที่มีไฟฟ้าใช้ 1,797 ครัวเรือน
จำนวนครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ 55 ครัวเรือน
จำนวนครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 ครัวเรือน
จำนวนไฟฟ้าสาธารณะ 104 จุด../add_file/ข้อมูลทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา
ที่ตั้งของหมู่บ้าน/ตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาตั้งอยู่ที่บ้านหนองจอก หมู่ที่ 11 ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้จัดตั้งตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 เดือนธันวาคม พ.ศ.2539 อยู่ห่างจากอำเภอปราสาทมาทางทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร ตามถนนสายโชคชัย- เดชอุดม ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 144-145 เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลขนาดกลาง
ทิศเหนือ จดตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ทิศใต้ จดตำบลหนองใหญ่ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ทิศตะวันออก จดตำบลโคกยาง ตำบลกันตวจระมวล อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ทิศตะวันตก จดตำบลกันแอน ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา เป็นที่ราบสูง ลักษณะดินเป็นดิน ปนทราย พื้นที่ส่วนมากเป็นที่ราบโล่ง ใช้เป็นที่เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย โดยมีแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ ห้วยเสนง
จำนวนหมู่บ้าน ในเขตตำบลตาเบา แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 19 หมู่บ้าน
หมู่ที่ ชื่อหมู่บ้าน ชื่อ – สกุล ตำแหน่ง
๑ บ้านโชค นายอรุณ ยามดี ผู้ใหญ่บ้าน
๒ บ้านตาเบา นายสมจิตร์ คิดนุนาม ผู้ใหญ่บ้าน
๓ บ้านตาเตียว นายนิตย์ ธานีพูน ผู้ใหญ่บ้าน
๔ บ้านสวาย นายเสาะ มีบุตรดี ผู้ใหญ่บ้าน
๕ บ้านปันรัว นายทานี สินสร้าง ผู้ใหญ่บ้าน
6 บ้านกันตาลหาร นายเฉลิม คิดดีจริง ผู้ใหญ่บ้าน
7 บ้านกระเพอโร นายเจริญสุข เซ่นชาย ผู้ใหญ่บ้าน
8 บ้านโคกจราบ นางสำราญ สัญจรดี ผู้ใหญ่บ้าน
9 บ้านภูมิสตึง นายนัง ชูชื่นบุญ ผู้ใหญ่บ้าน
10 บ้านละเบิก นายเสือย พอกสนิท ผู้ใหญ่บ้าน
11 บ้านหนองจอก นายสติ เปรียบดีสุด ผู้ใหญ่บ้าน
12 บ้านขวาว นายปวน ใยแดง ผู้ใหญ่บ้าน
13 บ้านปะปูล นายเชิดศักดิ์ ปลายแก่น ผู้ใหญ่บ้าน
14 บ้านลำพุก นายปริญญา เฉลียวฉลาด ผู้ใหญ่บ้าน
15 บ้านบุเจก นางสมบูรณ์ เลี่ยมดี ผู้ใหญ่บ้าน
16 บ้านสวายจู นายเดือน คิดดีจริง ผู้ใหญ่บ้าน
17 บ้านโคกเวง นายสุรเชษฐ์ รัตนวรรณ กำนันตำบลตาเบา
18 บ้านปอยจุม นายมีศักดิ์ คิดดีจริง ผู้ใหญ่บ้าน
19 บ้านจบก นายสุพนจ์ สัญจรดี ผู้ใหญ่บ้าน
-พื้นที่ทั้งหมดจำนวน 72.327 ตารางกิโลเมตร
-ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 408 กิโลเมตร
-ห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทประมาณ 9 กิโลเมตร
-ห่างจากศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ประมาณ 40 กิโลเมตร
สภาพทางสังคม
การศึกษา
ในเขตพื้นที่ตำบลตาเบา มีสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวนทั้งสิ้น 6 แห่ง ประกอบด้วย
ระดับประถมศึกษา จำนวน 6 แห่ง แยกเป็น
- โรงเรียนบ้านโชค ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านโชค
- โรงเรียนบ้านตาเบา ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านหนองจอก
- โรงเรียนบ้านตาเตียว ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านตาเตียว
- โรงเรียนบ้านสวาย ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านสวาย
- โรงเรียนบ้านตะคร้อ ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านปันรัว
- โรงเรียนบ้านลำพุก ตั้งอยู่หมู่ที่ 14 บ้านลำพุก
ระดับมัธยมศึกษา จำนวน 1 แห่ง แยกเป็น
- โรงเรียนตาเบาวิทยา ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 บ้านละเบิก
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา จำนวนทั้งสิ้น 2 แห่ง ประกอบด้วย
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านภูมิสตึง ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านภูมิสตึง
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองจอก ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านหนองจอก
ศาสนสถาน
ในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีศาสนสถาน จำนวนทั้งสิ้น 5 แห่ง ประกอบด้วย
วัด จำนวน 5 แห่ง แยกเป็น
- วัดอัมรินทราราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านตาเตียว
- วัดตาเบา ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านหนองจอก
- วัดกันตาลหาร ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 บ้านกันตาลหาร
- วัดศีลาธรรมาราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 บ้านละเบิก
- วัดสหธรรม ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 บ้านโคกจราบ
การนับถือศาสนา
ประชาชนส่วนใหญ่ในเขตตำบลตาเบานับถือศาสนาพุทธ
สาธารณสุข
ในเขตพื้นที่ตำบลตาเบา มีหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขประจำตำบล ประกอบด้วย
- สถานีอนามัยตำบลตาเบา ตั้งอยู่หมู่ที่ 17 บ้านโคกเวง
- อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 19 หมู่
- กองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลตาเบา
การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในเขตพื้นที่ตำบลตาเบา มีบุคลากรและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดังนี้
- ศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) มีบุคลากร จำนวน 185 คน
- หน่วยกู้ชีพ-กู้ภัยตำบลตาเบา มีบุคลากร จำนวน 15 คน
ทรัพยากรธรรมชาติ
ในปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อการอุตสาหกรรมแต่อย่างใด
สิ่งแวดล้อม
- ปริมาณน้ำเสียยังไม่สามารถวัดปริมาณได้แน่นอนเนื่องไม่มีการกำจัดน้ำเสียที่เป็นระบบ
- ปริมาณขยะเนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบายังไม่มีการเก็บขยะที่เป็นระบบและไม่มีพื้นที่สำหรับกำจัดขยะโดยการกำจัดขยะประชาชนใช้วิธีฝังกลบ เผาทำลายและมีบางส่วนมีการนำกลับมาใช้ใหม่
การคมนาคม/การจราจร
ถนน
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา มีการคมนาคมทางบก ซึ่งมีถนนสายหลักที่ใช้ในการคมนาคม จำนวน 1 สายคือ ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 24 สายโชคชัย-เดชอุดม นอกจากนั้นก็มีเส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบาส่วนใหญ่เป็นถนนดินและหินคลุก การคมนาคมไม่ค่อยสะดวก โดยเฉพาะในฤดูฝนเป็นหลุมเป็นบ่อเพราะถนนไม่ได้มาตรฐาน
สะพาน
จำนวนสะพานคอนกรีต 3 แห่ง
แหล่งน้ำ
จำนวนห้วย/หนอง/คลอง/บึง 67 แห่ง
จำนวนคลองชลประทาน 1 แห่ง
จำนวนบ่อบาดาลสาธารณะ 71 แห่ง
จำนวนบ่อน้ำตื้นสาธารณะ 2 แห่ง
จำนวนถังเก็บน้ำฝน 100 แห่ง
การขนส่ง
การเดินทางในพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา ใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ กรณีเดินทางระหว่างจังหวัดใช้โดยสารสถานีขนส่งอำเภอปราสาท และรถโดยสารประจำทาง
การโทรคมนาคม/สื่อสาร
จำนวนโทรศัพท์สาธารณะ 15 แห่ง
จำนวนสถานที่บริการอินเตอร์เน็ต 1 แห่ง
จำนวนหอกระจายข่าว 19 แห่ง
การประปา
จำนวนประปาหมู่บ้าน 13 แห่ง
การไฟฟ้า
จำนวนครัวเรือนที่มีไฟฟ้าใช้ 1,797 ครัวเรือน
จำนวนครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ 55 ครัวเรือน
จำนวนครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 ครัวเรือน
จำนวนไฟฟ้าสาธารณะ 104 จุด
ชื่อไฟล์ : องค์ความรู้ KM
*** เอกสารความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบซี เข้าสู่ระบบแท่ง ***
ระบบแท่ง คือ การแบ่งข้าราชการออกเป็น ๔ ประเภท ได้แก่
- ประเภทบริหารท้องถิ่น
- ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- ประเภทวิชาการ
- ประเภททั่วไป
ในแต่ละประเภทตำแหน่ง จะมีการแบ่งระดับ ดังนี้
- บริหารท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- อำนวยการท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- วิชาการ มี ปฎิบัติการ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ
- ทั่วไป มี ปฏิบัติงาน ชำนาญงาน และอาวุโส
จัดคนลงสู่ตำแหน่ง
ประเภททั่วไป
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๑, ๒, ๓, ๔ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับปฏิบัติงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๕, ๖ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับชำนาญงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับอาวุโส”
ประเภทวิชาการ
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๓,๔, ๕ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับปฏิบัติการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๖, ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๘ว (วิชาชีพ) หรือทั่วไป ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับ
ชำนาญการพิเศษ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๙ว (วิชาชีพหรือเชี่ยวชาญ) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ”
ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- นักบริหาร (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ระดับ ๖ หรือระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งอำนวยการ ระดับต้น”
- นักบริหารงาน ระดับ ๘ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับกลาง”
- นักบริหารงาน ระดับ ๙ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับสูง”
ประเภทบริหารท้องถิ่น
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๖-๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับต้น”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับกลาง”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๙-๑๐ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับสูง”
ในส่วนของหลักเกณฑ์การคัดเลือก การสอบคัดเลือก การเลื่อนระดับต่าง ๆ อยู่ระหว่าง ก.กลาง ดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์
การเข้าสู่ระบบแท่ง นอกจากประเภทตำแหน่งที่เปลี่ยนไป อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนก็คือ ระบบการประเมินผลงาน
การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารในการกำกับติดตามเพื่อให้ส่วนราชการ สามารถปฎิบัติราชการให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเกิดความคุ้มค่า
และเพื่อให้ผู้บังคับบัญชานำผลการประเมินการปฏิบัติงานไปใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และการให้เงินรางวัลประจำปี แก่ข้าราชการ ตามหลักการของระบบคุณธรรม
ซึ่งขณะนี้ การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง ได้ปรับเข้าสู่การประเมินระบบใหม่แล้ว เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗
ในส่วนของพนักงานส่วนท้องถิ่น ปัจจุบัน การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะมีองค์ประกอบการประเมิน คือ
การประเมินผลงาน ซึ่งมีอยู่ ๕ องค์ประกอบ คือ
๑. ปริมาณงาน
๒. คุณภาพของผลงาน
๓. ความทันเวลา
๔. ผลลัพธ์ ประโยชน์ในการนำไปใช้ และประสิทธิผลของงาน
๕. การประหยัดทรัพยากรหรือความคุ้มค่าของผลงาน
และการประเมินคุณลักษณะการปฏิบัติงาน ซึ่งมี ๓ องค์ประกอบคือ
๑. ความสามารถและความอุตสาหะในการปฏิบัติงาน
๒. การรักษาวินัย
๓. การปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นพนักงาน อบต./เทศบาล
ซึ่งการประเมินในระบบเดิม จะต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๖๐ ถึงจะได้พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ในระบบใหม่
การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบคล้ายกับพนักงานจ้างในปัจจุบัน คือ จะนำเรื่องผลสัมฤทธิ์ของงานและพฤติกรรมการปฏิบัติงาน เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการประเมิน
การพิจารณาในเรื่อง ผลสัมฤทธิ์ของงาน จะพิจารณาจาก
- งานตามแผนปฏิบัติราชการ
- งานตามภารกิจหลัก
- งานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
- งานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ
การพิจารณา พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะหลัก
- มุ่งผลสัมฤทธิ์
- บริการที่ดี
- ความเข้าใจในองค์กรและระบบงาน
- การยึดมั่นในความถูกต้อง ชอบธรรม และจริยธรรม
- การทำงานเป็นทีม
- สมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ
- สมรรถนะทางการบริหาร
- สมรรถนะอื่นๆ
การแบ่งกลุ่มการประเมิน ระบบใหม่ จะมี ๒ กลุ่ม
กลุ่มที่ ๑ กลุ่มข้าราชการทั่วไป (กลุ่มนี้จะเป็นข้าราชการทั้ง ๔ ประเภท คือ ทั่วไป วิชาการ อำนวยการ และบริหาร) สัดส่วนในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของงานต้อง ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐
กลุ่มที่ ๒ จะเป็นข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ สัดส่วนผลสัมฤทธิ์ของงานต่อพฤติกรรมการปฏิบัติราชการ ใช้สัดส่วนร้อยละ ๕๐:๕๐ ในส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารงานบุคคลในการเข้าสู่ระบบแท่ง
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: องค์ความรู้ KM
*** เอกสารความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบซี เข้าสู่ระบบแท่ง ***
ระบบแท่ง คือ การแบ่งข้าราชการออกเป็น ๔ ประเภท ได้แก่
- ประเภทบริหารท้องถิ่น
- ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- ประเภทวิชาการ
- ประเภททั่วไป
ในแต่ละประเภทตำแหน่ง จะมีการแบ่งระดับ ดังนี้
- บริหารท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- อำนวยการท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- วิชาการ มี ปฎิบัติการ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ
- ทั่วไป มี ปฏิบัติงาน ชำนาญงาน และอาวุโส
จัดคนลงสู่ตำแหน่ง
ประเภททั่วไป
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๑, ๒, ๓, ๔ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับปฏิบัติงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๕, ๖ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับชำนาญงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับอาวุโส”
ประเภทวิชาการ
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๓,๔, ๕ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับปฏิบัติการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๖, ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๘ว (วิชาชีพ) หรือทั่วไป ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับ
ชำนาญการพิเศษ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๙ว (วิชาชีพหรือเชี่ยวชาญ) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ”
ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- นักบริหาร (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ระดับ ๖ หรือระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งอำนวยการ ระดับต้น”
- นักบริหารงาน ระดับ ๘ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับกลาง”
- นักบริหารงาน ระดับ ๙ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับสูง”
ประเภทบริหารท้องถิ่น
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๖-๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับต้น”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับกลาง”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๙-๑๐ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับสูง”
ในส่วนของหลักเกณฑ์การคัดเลือก การสอบคัดเลือก การเลื่อนระดับต่าง ๆ อยู่ระหว่าง ก.กลาง ดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์
การเข้าสู่ระบบแท่ง นอกจากประเภทตำแหน่งที่เปลี่ยนไป อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนก็คือ ระบบการประเมินผลงาน
การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารในการกำกับติดตามเพื่อให้ส่วนราชการ สามารถปฎิบัติราชการให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเกิดความคุ้มค่า
และเพื่อให้ผู้บังคับบัญชานำผลการประเมินการปฏิบัติงานไปใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และการให้เงินรางวัลประจำปี แก่ข้าราชการ ตามหลักการของระบบคุณธรรม
ซึ่งขณะนี้ การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง ได้ปรับเข้าสู่การประเมินระบบใหม่แล้ว เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗
ในส่วนของพนักงานส่วนท้องถิ่น ปัจจุบัน การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะมีองค์ประกอบการประเมิน คือ
การประเมินผลงาน ซึ่งมีอยู่ ๕ องค์ประกอบ คือ
๑. ปริมาณงาน
๒. คุณภาพของผลงาน
๓. ความทันเวลา
๔. ผลลัพธ์ ประโยชน์ในการนำไปใช้ และประสิทธิผลของงาน
๕. การประหยัดทรัพยากรหรือความคุ้มค่าของผลงาน
และการประเมินคุณลักษณะการปฏิบัติงาน ซึ่งมี ๓ องค์ประกอบคือ
๑. ความสามารถและความอุตสาหะในการปฏิบัติงาน
๒. การรักษาวินัย
๓. การปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นพนักงาน อบต./เทศบาล
ซึ่งการประเมินในระบบเดิม จะต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๖๐ ถึงจะได้พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ในระบบใหม่
การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบคล้ายกับพนักงานจ้างในปัจจุบัน คือ จะนำเรื่องผลสัมฤทธิ์ของงานและพฤติกรรมการปฏิบัติงาน เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการประเมิน
การพิจารณาในเรื่อง ผลสัมฤทธิ์ของงาน จะพิจารณาจาก
- งานตามแผนปฏิบัติราชการ
- งานตามภารกิจหลัก
- งานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
- งานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ
การพิจารณา พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะหลัก
- มุ่งผลสัมฤทธิ์
- บริการที่ดี
- ความเข้าใจในองค์กรและระบบงาน
- การยึดมั่นในความถูกต้อง ชอบธรรม และจริยธรรม
- การทำงานเป็นทีม
- สมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ
- สมรรถนะทางการบริหาร
- สมรรถนะอื่นๆ
การแบ่งกลุ่มการประเมิน ระบบใหม่ จะมี ๒ กลุ่ม
กลุ่มที่ ๑ กลุ่มข้าราชการทั่วไป (กลุ่มนี้จะเป็นข้าราชการทั้ง ๔ ประเภท คือ ทั่วไป วิชาการ อำนวยการ และบริหาร) สัดส่วนในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของงานต้อง ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐
กลุ่มที่ ๒ จะเป็นข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ สัดส่วนผลสัมฤทธิ์ของงานต่อพฤติกรรมการปฏิบัติราชการ ใช้สัดส่วนร้อยละ ๕๐:๕๐ ในส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารงานบุคคลในการเข้าสู่ระบบแท่ง../add_file/ องค์ความรู้ KM
*** เอกสารความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบซี เข้าสู่ระบบแท่ง ***
ระบบแท่ง คือ การแบ่งข้าราชการออกเป็น ๔ ประเภท ได้แก่
- ประเภทบริหารท้องถิ่น
- ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- ประเภทวิชาการ
- ประเภททั่วไป
ในแต่ละประเภทตำแหน่ง จะมีการแบ่งระดับ ดังนี้
- บริหารท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- อำนวยการท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- วิชาการ มี ปฎิบัติการ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ
- ทั่วไป มี ปฏิบัติงาน ชำนาญงาน และอาวุโส
จัดคนลงสู่ตำแหน่ง
ประเภททั่วไป
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๑, ๒, ๓, ๔ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับปฏิบัติงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๕, ๖ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับชำนาญงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับอาวุโส”
ประเภทวิชาการ
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๓,๔, ๕ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับปฏิบัติการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๖, ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๘ว (วิชาชีพ) หรือทั่วไป ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับ
ชำนาญการพิเศษ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๙ว (วิชาชีพหรือเชี่ยวชาญ) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ”
ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- นักบริหาร (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ระดับ ๖ หรือระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งอำนวยการ ระดับต้น”
- นักบริหารงาน ระดับ ๘ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับกลาง”
- นักบริหารงาน ระดับ ๙ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับสูง”
ประเภทบริหารท้องถิ่น
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๖-๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับต้น”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับกลาง”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๙-๑๐ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับสูง”
ในส่วนของหลักเกณฑ์การคัดเลือก การสอบคัดเลือก การเลื่อนระดับต่าง ๆ อยู่ระหว่าง ก.กลาง ดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์
การเข้าสู่ระบบแท่ง นอกจากประเภทตำแหน่งที่เปลี่ยนไป อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนก็คือ ระบบการประเมินผลงาน
การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารในการกำกับติดตามเพื่อให้ส่วนราชการ สามารถปฎิบัติราชการให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเกิดความคุ้มค่า
และเพื่อให้ผู้บังคับบัญชานำผลการประเมินการปฏิบัติงานไปใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และการให้เงินรางวัลประจำปี แก่ข้าราชการ ตามหลักการของระบบคุณธรรม
ซึ่งขณะนี้ การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง ได้ปรับเข้าสู่การประเมินระบบใหม่แล้ว เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗
ในส่วนของพนักงานส่วนท้องถิ่น ปัจจุบัน การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะมีองค์ประกอบการประเมิน คือ
การประเมินผลงาน ซึ่งมีอยู่ ๕ องค์ประกอบ คือ
๑. ปริมาณงาน
๒. คุณภาพของผลงาน
๓. ความทันเวลา
๔. ผลลัพธ์ ประโยชน์ในการนำไปใช้ และประสิทธิผลของงาน
๕. การประหยัดทรัพยากรหรือความคุ้มค่าของผลงาน
และการประเมินคุณลักษณะการปฏิบัติงาน ซึ่งมี ๓ องค์ประกอบคือ
๑. ความสามารถและความอุตสาหะในการปฏิบัติงาน
๒. การรักษาวินัย
๓. การปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นพนักงาน อบต./เทศบาล
ซึ่งการประเมินในระบบเดิม จะต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๖๐ ถึงจะได้พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ในระบบใหม่
การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบคล้ายกับพนักงานจ้างในปัจจุบัน คือ จะนำเรื่องผลสัมฤทธิ์ของงานและพฤติกรรมการปฏิบัติงาน เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการประเมิน
การพิจารณาในเรื่อง ผลสัมฤทธิ์ของงาน จะพิจารณาจาก
- งานตามแผนปฏิบัติราชการ
- งานตามภารกิจหลัก
- งานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
- งานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ
การพิจารณา พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะหลัก
- มุ่งผลสัมฤทธิ์
- บริการที่ดี
- ความเข้าใจในองค์กรและระบบงาน
- การยึดมั่นในความถูกต้อง ชอบธรรม และจริยธรรม
- การทำงานเป็นทีม
- สมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ
- สมรรถนะทางการบริหาร
- สมรรถนะอื่นๆ
การแบ่งกลุ่มการประเมิน ระบบใหม่ จะมี ๒ กลุ่ม
กลุ่มที่ ๑ กลุ่มข้าราชการทั่วไป (กลุ่มนี้จะเป็นข้าราชการทั้ง ๔ ประเภท คือ ทั่วไป วิชาการ อำนวยการ และบริหาร) สัดส่วนในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของงานต้อง ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐
กลุ่มที่ ๒ จะเป็นข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ สัดส่วนผลสัมฤทธิ์ของงานต่อพฤติกรรมการปฏิบัติราชการ ใช้สัดส่วนร้อยละ ๕๐:๕๐ ในส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารงานบุคคลในการเข้าสู่ระบบแท่ง
ชื่อไฟล์ : xrnlt0QTue100508.pdf
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์ :
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: ../add_file/
ชื่อไฟล์ :
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: ../add_file/
ชื่อไฟล์ :
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: ../add_file/
ชื่อไฟล์ :
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: ../add_file/
ชื่อไฟล์ :
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: ../add_file/
ชื่อไฟล์ : ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบซีเข้าสู่ระบบแท่ง
*** ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบซี เข้าสู่ระบบแท่ง ***
ระบบแท่ง คือ การแบ่งข้าราชการออกเป็น ๔ ประเภท ได้แก่
- ประเภทบริหารท้องถิ่น
- ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- ประเภทวิชาการ
- ประเภททั่วไป
ในแต่ละประเภทตำแหน่ง จะมีการแบ่งระดับ ดังนี้
- บริหารท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- อำนวยการท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- วิชาการ มี ปฎิบัติการ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ
- ทั่วไป มี ปฏิบัติงาน ชำนาญงาน และอาวุโส
จัดคนลงสู่ตำแหน่ง
ประเภททั่วไป
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๑, ๒, ๓, ๔ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับปฏิบัติงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๕, ๖ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับชำนาญงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับอาวุโส”
ประเภทวิชาการ
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๓,๔, ๕ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับปฏิบัติการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๖, ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๘ว (วิชาชีพ) หรือทั่วไป ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๙ว (วิชาชีพหรือเชี่ยวชาญ) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ”
ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- นักบริหาร (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ระดับ ๖ หรือระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งอำนวยการ ระดับต้น”
- นักบริหารงาน ระดับ ๘ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับกลาง”
- นักบริหารงาน ระดับ ๙ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับสูง”
ประเภทบริหารท้องถิ่น
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๖-๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับต้น”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับกลาง”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๙-๑๐ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับสูง”
ในส่วนของหลักเกณฑ์การคัดเลือก การสอบคัดเลือก การเลื่อนระดับต่าง ๆ อยู่ระหว่าง ก.กลาง ดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์
การเข้าสู่ระบบแท่ง นอกจากประเภทตำแหน่งที่เปลี่ยนไป อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนก็คือ ระบบการประเมินผลงาน
การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารในการกำกับติดตามเพื่อให้ส่วนราชการ สามารถปฎิบัติราชการให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเกิดความคุ้มค่า
และเพื่อให้ผู้บังคับบัญชานำผลการประเมินการปฏิบัติงานไปใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และการให้เงินรางวัลประจำปี แก่ข้าราชการ ตามหลักการของระบบคุณธรรม
ซึ่งขณะนี้ การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง ได้ปรับเข้าสู่การประเมินระบบใหม่แล้ว เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗
ในส่วนของพนักงานส่วนท้องถิ่น ปัจจุบัน การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะมีองค์ประกอบการประเมิน คือ
การประเมินผลงาน ซึ่งมีอยู่ ๕ องค์ประกอบ คือ
๑. ปริมาณงาน
๒. คุณภาพของผลงาน
๓. ความทันเวลา
๔. ผลลัพธ์ ประโยชน์ในการนำไปใช้ และประสิทธิผลของงาน
๕. การประหยัดทรัพยากรหรือความคุ้มค่าของผลงาน
และการประเมินคุณลักษณะการปฏิบัติงาน ซึ่งมี ๓ องค์ประกอบคือ
๑. ความสามารถและความอุตสาหะในการปฏิบัติงาน
๒. การรักษาวินัย
๓. การปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นพนักงาน อบต./เทศบาล
ซึ่งการประเมินในระบบเดิม จะต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๖๐ ถึงจะได้พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ในระบบใหม่
การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบคล้ายกับพนักงานจ้างในปัจจุบัน คือ จะนำเรื่องผลสัมฤทธิ์ของงานและพฤติกรรมการปฏิบัติงาน เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการประเมิน
การพิจารณาในเรื่อง ผลสัมฤทธิ์ของงาน จะพิจารณาจาก
- งานตามแผนปฏิบัติราชการ
- งานตามภารกิจหลัก
- งานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
- งานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ
การพิจารณา พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะหลัก
- มุ่งผลสัมฤทธิ์
- บริการที่ดี
- ความเข้าใจในองค์กรและระบบงาน
- การยึดมั่นในความถูกต้อง ชอบธรรม และจริยธรรม
- การทำงานเป็นทีม
- สมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ
- สมรรถนะทางการบริหาร
- สมรรถนะอื่นๆ
การแบ่งกลุ่มการประเมิน ระบบใหม่ จะมี ๒ กลุ่ม
กลุ่มที่ ๑ กลุ่มข้าราชการทั่วไป (กลุ่มนี้จะเป็นข้าราชการทั้ง ๔ ประเภท คือ ทั่วไป วิชาการ อำนวยการ และบริหาร) สัดส่วนในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของงานต้อง ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐
กลุ่มที่ ๒ จะเป็นข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ สัดส่วนผลสัมฤทธิ์ของงานต่อพฤติกรรมการปฏิบัติราชการ ใช้สัดส่วนร้อยละ ๕๐:๕๐ ในส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารงานบุคคลในการเข้าสู่ระบบแท่ง
##############
สำนักปลัด องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบซีเข้าสู่ระบบแท่ง
*** ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบซี เข้าสู่ระบบแท่ง ***
ระบบแท่ง คือ การแบ่งข้าราชการออกเป็น ๔ ประเภท ได้แก่
- ประเภทบริหารท้องถิ่น
- ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- ประเภทวิชาการ
- ประเภททั่วไป
ในแต่ละประเภทตำแหน่ง จะมีการแบ่งระดับ ดังนี้
- บริหารท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- อำนวยการท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- วิชาการ มี ปฎิบัติการ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ
- ทั่วไป มี ปฏิบัติงาน ชำนาญงาน และอาวุโส
จัดคนลงสู่ตำแหน่ง
ประเภททั่วไป
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๑, ๒, ๓, ๔ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับปฏิบัติงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๕, ๖ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับชำนาญงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับอาวุโส”
ประเภทวิชาการ
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๓,๔, ๕ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับปฏิบัติการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๖, ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๘ว (วิชาชีพ) หรือทั่วไป ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๙ว (วิชาชีพหรือเชี่ยวชาญ) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ”
ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- นักบริหาร (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ระดับ ๖ หรือระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งอำนวยการ ระดับต้น”
- นักบริหารงาน ระดับ ๘ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับกลาง”
- นักบริหารงาน ระดับ ๙ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับสูง”
ประเภทบริหารท้องถิ่น
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๖-๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับต้น”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับกลาง”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๙-๑๐ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับสูง”
ในส่วนของหลักเกณฑ์การคัดเลือก การสอบคัดเลือก การเลื่อนระดับต่าง ๆ อยู่ระหว่าง ก.กลาง ดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์
การเข้าสู่ระบบแท่ง นอกจากประเภทตำแหน่งที่เปลี่ยนไป อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนก็คือ ระบบการประเมินผลงาน
การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารในการกำกับติดตามเพื่อให้ส่วนราชการ สามารถปฎิบัติราชการให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเกิดความคุ้มค่า
และเพื่อให้ผู้บังคับบัญชานำผลการประเมินการปฏิบัติงานไปใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และการให้เงินรางวัลประจำปี แก่ข้าราชการ ตามหลักการของระบบคุณธรรม
ซึ่งขณะนี้ การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง ได้ปรับเข้าสู่การประเมินระบบใหม่แล้ว เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗
ในส่วนของพนักงานส่วนท้องถิ่น ปัจจุบัน การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะมีองค์ประกอบการประเมิน คือ
การประเมินผลงาน ซึ่งมีอยู่ ๕ องค์ประกอบ คือ
๑. ปริมาณงาน
๒. คุณภาพของผลงาน
๓. ความทันเวลา
๔. ผลลัพธ์ ประโยชน์ในการนำไปใช้ และประสิทธิผลของงาน
๕. การประหยัดทรัพยากรหรือความคุ้มค่าของผลงาน
และการประเมินคุณลักษณะการปฏิบัติงาน ซึ่งมี ๓ องค์ประกอบคือ
๑. ความสามารถและความอุตสาหะในการปฏิบัติงาน
๒. การรักษาวินัย
๓. การปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นพนักงาน อบต./เทศบาล
ซึ่งการประเมินในระบบเดิม จะต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๖๐ ถึงจะได้พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ในระบบใหม่
การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบคล้ายกับพนักงานจ้างในปัจจุบัน คือ จะนำเรื่องผลสัมฤทธิ์ของงานและพฤติกรรมการปฏิบัติงาน เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการประเมิน
การพิจารณาในเรื่อง ผลสัมฤทธิ์ของงาน จะพิจารณาจาก
- งานตามแผนปฏิบัติราชการ
- งานตามภารกิจหลัก
- งานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
- งานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ
การพิจารณา พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะหลัก
- มุ่งผลสัมฤทธิ์
- บริการที่ดี
- ความเข้าใจในองค์กรและระบบงาน
- การยึดมั่นในความถูกต้อง ชอบธรรม และจริยธรรม
- การทำงานเป็นทีม
- สมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ
- สมรรถนะทางการบริหาร
- สมรรถนะอื่นๆ
การแบ่งกลุ่มการประเมิน ระบบใหม่ จะมี ๒ กลุ่ม
กลุ่มที่ ๑ กลุ่มข้าราชการทั่วไป (กลุ่มนี้จะเป็นข้าราชการทั้ง ๔ ประเภท คือ ทั่วไป วิชาการ อำนวยการ และบริหาร) สัดส่วนในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของงานต้อง ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐
กลุ่มที่ ๒ จะเป็นข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ สัดส่วนผลสัมฤทธิ์ของงานต่อพฤติกรรมการปฏิบัติราชการ ใช้สัดส่วนร้อยละ ๕๐:๕๐ ในส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารงานบุคคลในการเข้าสู่ระบบแท่ง
##############
สำนักปลัด องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์../add_file/ ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบซีเข้าสู่ระบบแท่ง
*** ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบซี เข้าสู่ระบบแท่ง ***
ระบบแท่ง คือ การแบ่งข้าราชการออกเป็น ๔ ประเภท ได้แก่
- ประเภทบริหารท้องถิ่น
- ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- ประเภทวิชาการ
- ประเภททั่วไป
ในแต่ละประเภทตำแหน่ง จะมีการแบ่งระดับ ดังนี้
- บริหารท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- อำนวยการท้องถิ่น มี ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง
- วิชาการ มี ปฎิบัติการ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ
- ทั่วไป มี ปฏิบัติงาน ชำนาญงาน และอาวุโส
จัดคนลงสู่ตำแหน่ง
ประเภททั่วไป
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๑, ๒, ๓, ๔ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับปฏิบัติงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๑ และ ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๕, ๖ จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับชำนาญงาน”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๒ ที่ครองอยู่ในระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งทั่วไป ระดับอาวุโส”
ประเภทวิชาการ
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๓,๔, ๕ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับปฏิบัติการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจาก ซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๖, ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๘ว (วิชาชีพ) หรือทั่วไป ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ”
- สายงานที่เริ่มต้นจากซี ๓ ที่ครองอยู่ในระดับ ๙ว (วิชาชีพหรือเชี่ยวชาญ) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ”
ประเภทอำนวยการท้องถิ่น
- นักบริหาร (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ระดับ ๖ หรือระดับ ๗ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งอำนวยการ ระดับต้น”
- นักบริหารงาน ระดับ ๘ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับกลาง”
- นักบริหารงาน ระดับ ๙ (ที่ไม่ใช่นักบริหารงาน อบต./เทศบาล) ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่ง อำนวยการ ระดับสูง”
ประเภทบริหารท้องถิ่น
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๖-๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับต้น”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๘ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับกลาง”
- รองปลัด – ปลัด ระดับ ๙-๑๐ ให้จัดเข้าสู่แท่ง “ประเภทตำแหน่งบริหารท้องถิ่น ระดับสูง”
ในส่วนของหลักเกณฑ์การคัดเลือก การสอบคัดเลือก การเลื่อนระดับต่าง ๆ อยู่ระหว่าง ก.กลาง ดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์
การเข้าสู่ระบบแท่ง นอกจากประเภทตำแหน่งที่เปลี่ยนไป อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนก็คือ ระบบการประเมินผลงาน
การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารในการกำกับติดตามเพื่อให้ส่วนราชการ สามารถปฎิบัติราชการให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเกิดความคุ้มค่า
และเพื่อให้ผู้บังคับบัญชานำผลการประเมินการปฏิบัติงานไปใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และการให้เงินรางวัลประจำปี แก่ข้าราชการ ตามหลักการของระบบคุณธรรม
ซึ่งขณะนี้ การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง ได้ปรับเข้าสู่การประเมินระบบใหม่แล้ว เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗
ในส่วนของพนักงานส่วนท้องถิ่น ปัจจุบัน การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะมีองค์ประกอบการประเมิน คือ
การประเมินผลงาน ซึ่งมีอยู่ ๕ องค์ประกอบ คือ
๑. ปริมาณงาน
๒. คุณภาพของผลงาน
๓. ความทันเวลา
๔. ผลลัพธ์ ประโยชน์ในการนำไปใช้ และประสิทธิผลของงาน
๕. การประหยัดทรัพยากรหรือความคุ้มค่าของผลงาน
และการประเมินคุณลักษณะการปฏิบัติงาน ซึ่งมี ๓ องค์ประกอบคือ
๑. ความสามารถและความอุตสาหะในการปฏิบัติงาน
๒. การรักษาวินัย
๓. การปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นพนักงาน อบต./เทศบาล
ซึ่งการประเมินในระบบเดิม จะต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๖๐ ถึงจะได้พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ในระบบใหม่
การประเมินผลการปฏิบัติงาน จะปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบคล้ายกับพนักงานจ้างในปัจจุบัน คือ จะนำเรื่องผลสัมฤทธิ์ของงานและพฤติกรรมการปฏิบัติงาน เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการประเมิน
การพิจารณาในเรื่อง ผลสัมฤทธิ์ของงาน จะพิจารณาจาก
- งานตามแผนปฏิบัติราชการ
- งานตามภารกิจหลัก
- งานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
- งานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ
การพิจารณา พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะหลัก
- มุ่งผลสัมฤทธิ์
- บริการที่ดี
- ความเข้าใจในองค์กรและระบบงาน
- การยึดมั่นในความถูกต้อง ชอบธรรม และจริยธรรม
- การทำงานเป็นทีม
- สมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการ
- สมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ
- สมรรถนะทางการบริหาร
- สมรรถนะอื่นๆ
การแบ่งกลุ่มการประเมิน ระบบใหม่ จะมี ๒ กลุ่ม
กลุ่มที่ ๑ กลุ่มข้าราชการทั่วไป (กลุ่มนี้จะเป็นข้าราชการทั้ง ๔ ประเภท คือ ทั่วไป วิชาการ อำนวยการ และบริหาร) สัดส่วนในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของงานต้อง ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐
กลุ่มที่ ๒ จะเป็นข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ สัดส่วนผลสัมฤทธิ์ของงานต่อพฤติกรรมการปฏิบัติราชการ ใช้สัดส่วนร้อยละ ๕๐:๕๐ ในส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารงานบุคคลในการเข้าสู่ระบบแท่ง
##############
สำนักปลัด องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ชื่อไฟล์ : แนะนำการชำระภาษี
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: แนะนำการชำระภาษี
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน../add_file/แนะนำการชำระภาษี
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน
ชื่อไฟล์ : แนะนำการชำระภาษี
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
|
ประเภทของภาษี
|
วันยื่นแบบและคำร้อง
(เดือน)
|
วันชำระเงิน หรือเวลาการชำระเงิน
ตามกฎหมาย
|
ภาษีโรงเรือน และที่ดิน
|
มกราคม ถึง กุมภาพันธ์ ของทุกปี
|
ชำระทันทีเมื่อยื่นแบบหรือชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่ได้รับการประเมิน ( ภ . ร . ด .8.) ชำระเกินกำหนดเวลาคิดเพิ่มอัตราร้อยละ 2.5 – 10 ต่อเดือน
|
ภาษีบำรุงท้องที่
|
มกราคม ของทุกปี
|
ชำระทันทีเมื่อยื่นแบบหรือภายใน 30 เมษายนของทุกปี ถ้าชำระเกินกำหนดเวลาคิดเงินเพิ่ม อัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน
|
ภาษีป้าย
|
มกราคม ถึง มีนาคม ของทุกปี
|
ชำระ ทันทีเมื่อยื่นแบบหรือภายใน 31 มีนาคม ของทุกปี ป้ายที่ติดตั้งใหม่จะต้องยืนแบบและชำระภายใน 15 วัน หลังจาก ได้ติดตั้งป้าย / กรณีรับแบบแล้วไม่มาเสียคิดเพิ่ม 5% ต่อเดือน ไม่มายื่นแบบคิดเพิ่มอัตรา 10 % ต่อเดือน
|
|
เอกสารแนบ
โดย admin ประจำวันที่ 19-02-2559
แนะนำการชำระภาษี
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
|
ประเภทของภาษี
|
วันยื่นแบบและคำร้อง
(เดือน)
|
วันชำระเงิน หรือเวลาการชำระเงิน
ตามกฎหมาย
|
ภาษีโรงเรือน และที่ดิน
|
มกราคม ถึง กุมภาพันธ์ ของทุกปี
|
ชำระทันทีเมื่อยื่นแบบหรือชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่ได้รับการประเมิน ( ภ . ร . ด .8.) ชำระเกินกำหนดเวลาคิดเพิ่มอัตราร้อยละ 2.5 – 10 ต่อเดือน
|
ภาษีบำรุงท้องที่
|
มกราคม ของทุกปี
|
ชำระทันทีเมื่อยื่นแบบหรือภายใน 30 เมษายนของทุกปี ถ้าชำระเกินกำหนดเวลาคิดเงินเพิ่ม อัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน
|
ภาษีป้าย
|
มกราคม ถึง มีนาคม ของทุกปี
|
ชำระ ทันทีเมื่อยื่นแบบหรือภายใน 31 มีนาคม ของทุกปี ป้ายที่ติดตั้งใหม่จะต้องยืนแบบและชำระภายใน 15 วัน หลังจาก ได้ติดตั้งป้าย / กรณีรับแบบแล้วไม่มาเสียคิดเพิ่ม 5% ต่อเดือน ไม่มายื่นแบบคิดเพิ่มอัตรา 10 % ต่อเดือน
|
|
เอกสารแนบ
โดย admin ประจำวันที่ 19-02-2559
" class="w3-tag w3-theme-d4 w3-round w3-margin">
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้
ชื่อไฟล์: แนะนำการชำระภาษี
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
|
ประเภทของภาษี
|
วันยื่นแบบและคำร้อง
(เดือน)
|
วันชำระเงิน หรือเวลาการชำระเงิน
ตามกฎหมาย
|
ภาษีโรงเรือน และที่ดิน
|
มกราคม ถึง กุมภาพันธ์ ของทุกปี
|
ชำระทันทีเมื่อยื่นแบบหรือชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่ได้รับการประเมิน ( ภ . ร . ด .8.) ชำระเกินกำหนดเวลาคิดเพิ่มอัตราร้อยละ 2.5 – 10 ต่อเดือน
|
ภาษีบำรุงท้องที่
|
มกราคม ของทุกปี
|
ชำระทันทีเมื่อยื่นแบบหรือภายใน 30 เมษายนของทุกปี ถ้าชำระเกินกำหนดเวลาคิดเงินเพิ่ม อัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน
|
ภาษีป้าย
|
มกราคม ถึง มีนาคม ของทุกปี
|
ชำระ ทันทีเมื่อยื่นแบบหรือภายใน 31 มีนาคม ของทุกปี ป้ายที่ติดตั้งใหม่จะต้องยืนแบบและชำระภายใน 15 วัน หลังจาก ได้ติดตั้งป้าย / กรณีรับแบบแล้วไม่มาเสียคิดเพิ่ม 5% ต่อเดือน ไม่มายื่นแบบคิดเพิ่มอัตรา 10 % ต่อเดือน
|
|
เอกสารแนบ
โดย admin ประจำวันที่ 19-02-2559
../add_file/แนะนำการชำระภาษี
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ความหมายของภาษีโรงเรือนและที่ดิน ถ้าท่านเป็นเจ้าของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นโดย
1.ให้เช่า
2. อยู่อาศัยและประกอบกิจการค้าใช้เป็นที่ประกอบการ อุตสาหกรรมประกอบกิจการ
3. ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือขายสินค้า 4. การอื่นเพื่อหารายได้ให้ญาติ พ่อแม่ หรือเพื่อนอยู่อาศัย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไปรับแบบพิมพ์ ( ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ) ภ . ร . ด .2 เพื่อกรอก รายละเอียดยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลที่ท่านอยู่ในเขต
1. ประเภทแห่งทรัพย์สิน ( อาคาร ตึกไม้ โรงเรือน )
2. ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน ( จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรจะให้เช่าในปีหนึ่ง )
3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อ อบต . ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเสียเงินเพิ่ม และค่าปรับ ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันที่ได้รับการแจ้งการประเมิน หากพ้นกำหนดเงินค่าภาษีนั้นเป็นเงินภาษีค้างชำระ ให้เสียภาษีเพิ่มตามกฎหมาย ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นความเท็จหรือตอบคำถามด้วยคำอันเป็นเท็จ หรือหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือ จัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินโดยความเท็จ หรือเจตนาละเลยฉ้อโกงด้วยกลอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีแห่งทรัพย์สินของตน ท่านว่าผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีบำรุงท้องที่
ถ้าท่านเป็นเจ้าของที่ดินท่านมีหน้าที่ดังนี้
ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทุกรอบ 4 ปี ( ให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปีแรกที่มีการตีราคาปานกลาง ) บุคคลใดเป็นเจ้าของที่ดินใหม่ หรือที่ดินผู้ใดเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 10 วันนับ ตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าของที่ดินขึ้นใหม่
การชำระภาษีบำรุงท้องที่ ชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของทุกปี หากพ้นกำหนดให้ถือเป็นภาษีบำรุงท้องที่ค้างชำระให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 % ต่อเดือนหากปล่อยให้ ที่ดินให้ว่างเปล่าภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ประกอบกสิกรรม ให้ลดหย่อน ไม่ต้องเสีย ภาษีบำรุงท้องที่ภายในเนื้อที่ภายในเนื้อที่ 100 ตารางวา
บทกำหนดโทษผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ภาษีป้าย
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ถ้าท่านเป็นเจ้าของป้ายหรือป้ายอยู่ในความครอบครอง ของท่านให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในเดือน มีนาคมของทุกปี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายเดิมหรือติดตั้งป้ายใหม่หลังเดือนมีนาคม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ชำระภาษีป้ายภายในกำหนด 15 วัน ที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ผู้ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ภายในกำหนดให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของเงินภาษีป้าย
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 % ของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งความอันเป็นเท็จให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อัตราภาษีป้าย
ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายที่มีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายดังต่อไปนี้ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ก.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ ข.ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14(3) ความว่าเปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้ายข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วน ในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตรา ตาม (1) (2) หรือ (3) ป้ายแล้วและให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายตาม (1) (2) (3) เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้าย 200 บาท ให้เสียป้ายละ 200 บาท ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
(ระยะเวลาจัดเก็บภาษียึดตามกฎหมายกำหนด)
ขั้นตอนการให้บริการ
1. การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและจัดส่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
(เดือน พฤศจิกายน 2562)
2. เจ้าหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราภาษีที่จัดเก็บ ภดส.1
(ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563)
3.เจ้าหน้าที่แจ้งประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ภดส.7
(ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2563)
4. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ภายในเดือน เมษษยน 2563 )
5.การผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ผ่อนได้ 3 งวด ยอดชำระตั้ง 3,000 บาทขึ้นไป
งวดที่ 1. ภายในเดือนเมษายน 2563
งวดที่ 2. ภายในเดือนพฤษภาคม 2563
งวดที่ 3. ภายในเดือนมิถุนายน 2563
6. เจ้าหน้าที่แจ้งเดือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ (ภายในเดือนพฤษภาคม 2563)
7. เจ้าหน้าที่แจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา
(ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
เอกสารประกอบพิจารณา
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาโฉนดที่ดิน
ตารางการชำระภาษีประเภทต่างๆ
|
ประเภทของภาษี
|
วันยื่นแบบและคำร้อง
(เดือน)
|
วันชำระเงิน หรือเวลาการชำระเงิน
ตามกฎหมาย
|
ภาษีโรงเรือน และที่ดิน
|
มกราคม ถึง กุมภาพันธ์ ของทุกปี
|
ชำระทันทีเมื่อยื่นแบบหรือชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่ได้รับการประเมิน ( ภ . ร . ด .8.) ชำระเกินกำหนดเวลาคิดเพิ่มอัตราร้อยละ 2.5 – 10 ต่อเดือน
|
ภาษีบำรุงท้องที่
|
มกราคม ของทุกปี
|
ชำระทันทีเมื่อยื่นแบบหรือภายใน 30 เมษายนของทุกปี ถ้าชำระเกินกำหนดเวลาคิดเงินเพิ่ม อัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน
|
ภาษีป้าย
|
มกราคม ถึง มีนาคม ของทุกปี
|
ชำระ ทันทีเมื่อยื่นแบบหรือภายใน 31 มีนาคม ของทุกปี ป้ายที่ติดตั้งใหม่จะต้องยืนแบบและชำระภายใน 15 วัน หลังจาก ได้ติดตั้งป้าย / กรณีรับแบบแล้วไม่มาเสียคิดเพิ่ม 5% ต่อเดือน ไม่มายื่นแบบคิดเพิ่มอัตรา 10 % ต่อเดือน
|
|
เอกสารแนบ
โดย admin ประจำวันที่ 19-02-2559
ชื่อไฟล์ : CqzfrM8Tue31049.docx
file_download
ดาว์นโหลดไฟล์นี้